เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่อัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เข้ายื่นเอกสารให้นายโกศลสัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด และนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรมสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกเพิ่มเติม หลังจากที่อัยการภาค 7 มีความเห็นไม่สั่งฟ้อง 5 ข้อหา

นายธรัมพ์ เปิดเผยว่า ในจำนวน 5 ข้อหาที่อัยการภาค7 สั่งไม่ฟ้องนั้น มี 2 ข้อหา ที่พนักงานสอบสวนระบุท้ายสำนวนว่ามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว ได้แก่ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาตามพ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ฯ ทำให้เหลือ อีก 3 ข้อหา ที่ขณะนี้ทางตำรวจและอัยการมีความเห็นแย้งกัน ได้แก่ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต /นำเครื่องมือล่าสัตว์เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

นายธรัมพ์ กล่าวต่อว่า โดยขั้นตอนหลังจากรับสำนวนและความเห็นจากพนักงานสอบสวน ทางเราจะนำส่งให้สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาด โดยตัวสำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องสอบปากคำประเด็นใดเพิ่มเติม แต่ที่เห็นแย้งกัน อาจจะเพราะมีบางประเด็นที่ยังมองต่าง ซึ่งทางอัยการสูงสุดจะนำหลักฐานในสำนวนเดิมมาพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทันฝากขังผัดสุดท้ายในวันที่ 30 เม.ย.นี้

“ขณะเดียวกันส่วนตัวมองว่าการสั่งไม่ฟ้องในบางคดีนั้น ไม่กระทบต่อการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง เนื่องจากคดีที่ส่งผลกระทบทางแพ่งนั้น อยู่ใน 6 ข้อหาที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว แต่หากจะกระทบน่าจะเป็นเรื่องของจำนวนเงินที่เรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งนี้ในส่วน 6 ข้อหาที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ ถือว่ายุติ ไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาพิจารณาอีก” รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า วันนี้นำข้อสรุปในที่ประชุม รวมถึงข้อกฎหมาย ระเบียบคำสั่งในการระบุถึงการขออนุญาตเข้าพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่ามายื่นให้อัยการสูงสุดประกอบการพิจารณา เนื่องจากตามระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่าการจะเข้าไปโดยยกเว้นค่าธรรมเนียม จะต้องทำหนังสือคำร้อง ซึ่งทางผู้ต้องหาไม่ได้กระทำในส่วนนี้ จึงถือว่ามีความผิดชัดเจน ขณะที่ข้อหาพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น ทางพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า ในเมื่อพบว่าข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าฯ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นไปได้หรือไม่ที่ในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่าฯก็อาจจะแบ่งหน้าที่กันทำเช่นกัน ทั้งนี้ขอให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการพิจารณาแจ้งข้อหาอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน