เมื่อ 16 ก.ค. บีบีซีรายงานสถานการณ์ความวุ่นวายในตุรกี หลังมีกลุ่มทหารประกาศรัฐประหาร ยึดอำนาจประเทศ อ้างว่าต้องการประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ทางด้านประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป เอร์โดอัน ผู้นำประเทศ เดินทางรุดไปยังนครอิสตันบูลพร้อมออกอากาศสด แถลงประณามผู้ก่อรัฐประหาร ว่ากระทำการก่อกบฏ
หลังจากการปะทะอย่างหนักระหว่างกองกำลังของรัฐกับกองกำลังกบฏ รัฐบาลเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย ส่วนใหญ่เป็นประชาชนและตำรวจที่ออกมาสู้กับฝ่ายรัฐประหาร
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น พบพิรุธว่าสะพานโบโฟรัสและสะพานสฟาทีห์ สุลตาน เมห์เมต ถูกปิด รถยนต์และรถโดยสารต้องเลี้ยวกลับเปลี่ยนเส้นทาง กระทั่งเวลา 19.50 น. เริ่มมีเสียงปืนดังขึ้นในกรุงอังการา พร้อมมีเครื่องบินทหารและเฮลิคอปเตอร์ในเมืองหลวง และเฮลิคอปเตอร์บินวนเหนือท้องฟ้านครอิสตันบูล จากนั้นกองกำลังกบฏนำกำลังบุกเข้ายึดสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์หลายแห่งในนครอิสตันบูลและกรุงอังการา
ต่อมามีผู้ได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้งที่จัตุรัสทักซิม ในนครอิสตันบูล ขณะที่ประชาชนชุมนุมต่อต้านการรัฐประหาร รวมไปถึงเสียงระเบิดที่รัฐสภาในกรุงอังการา ขณะที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลบางส่วนหลบซ่อนอยู่ในหลุมหลบภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ประกาศข่าวของสถานีข่าวซีเอ็นเอ็นเติร์กรายหนึ่งถูกทหารของฝ่ายกบฏจับตัวไป ทำให้การถ่ายทอดสดหยุดชะงักลงด้วย
เหตุก่อรัฐประหารครั้งนี้เกิดขณะประธานาธิบดีเรเจ็ป ไตยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี อยู่ระหว่างลาพักร้อนที่เมืองมาร์แมริส ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ จากนั้นมีรายงานว่านายเอร์โดอันขึ้นเครื่องเดินทางมาลงที่ท่าอากาศยานอตาเติร์ก ในนครอิสตันบูล ในความควบคุมของกองทัพฝ่ายรัฐบาล พร้อมประกาศในเวลา 21.30 น. ว่าความพยายามยึดอำนาจดังกล่าวถือเป็นการก่อกบฏ และผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดจะต้องเผชิญกับโทษทัณฑ์อย่างสาสม
ประธานาธิบดีเอร์โดอันกล่าวด้วยว่า ผู้ที่นำรถถังออกมาขับเพ่นพ่านอยู่จำเป็นต้องกลับเข้ากรมกอง และระบุถึงผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามยึดอำนาจว่ามาจาก โครงสร้างคู่ขนาน ซึ่งฝ่ายตนจำต้องดำเนินการตอบโต้ ขณะที่รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีเอร์โดอันอาจหมายถึงนายเฟธุลเลาะห์ กูเลน ผู้นำทางศาสนาของตุรกีซึ่งพำนักอยู่ในสหรัฐ โดยในอดีตตุรกีเคยกล่าวหาว่านายกูเลนนั้นเป็นผู้ยุยงปลุกปั่น ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านความพยายามยึดอำนาจที่เกิดขึ้นตามจัตุรัสและสนามบิน โดยย้ำว่าตนไม่เคยเชื่อในสิ่งใดว่าจะมีพลังเหนือไปกว่าพลังของประชาชน
ส่วนที่เมืองมาร์แมริส หลังผู้นำตุรกีเดินทางออกมาเพียงไม่กี่นาทีก็ถูกโจมตีทิ้งระเบิดทางอากาศ คาดเป็นฝ่ายที่ต้องการสังหารประธานาธิบดีเอร์โดอัน นอกจากนี้ในพื้นที่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดียังถูกโจมตีทางอากาศด้วย ท่ามกลางสถานการณ์เป็นไปอย่างสับสน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างประกาศว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุมของฝ่ายตัวเอง
ต่อมานายบินาลี อิลดีริม นายกรัฐมนตรีตุรกี ประกาศให้กรุงอังการาเป็นเขตห้ามบิน สั่งให้กองทัพตุรกียิงทิ้งเครื่องบินที่ฝ่ายกบฏใช้ได้ทันที หลังจากกองทัพในการควบคุมของรัฐบาลยิงสอยเฮลิคอปเตอร์ร่วงไป 1 ลำ เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ทางการกรีซสั่งระงับเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดที่จะบินไปยังนครอิสตันบูล ขณะที่สายการบินลุฟต์ฮันซา ของเยอรมนี ประกาศเลื่อนเที่ยวบินอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 00.45 น. มีกลุ่มทหารที่ร่วมก่อกบฏยอมจำนน หลังจากเครื่องบินฝ่ายรัฐบาลยิงเครื่องบินฝ่ายกบฏตกอีกลำ พร้อมทิ้งระเบิดใส่รถถังที่ล้อมทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองหลวง จากนั้นรัฐบาลแถลงการณ์จับกุมทหารที่เกี่ยวข้องในการก่อกบฏ 1,563 นาย มีระดับนายพล 5 นาย และระดับนายพัน 29 นาย ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่ถูกระบุว่ามีส่วนในการสังหารพลเรือนที่ต่อต้านรัฐประหาร
ส่วนนายพลฮูลูซี อคาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ถูกกบฏจับกุมไปในตอนแรก ได้รับความช่วยเหลือออกมาแล้ว ซึ่งการควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จนี้มาจากความเป็นเอกภาพของประชาชนที่ไม่ยอมรับการรัฐประหาร
ด้านความเคลื่อนไหวบรรดาผู้นำโลก ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในตุรกีเคารพและสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่องค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ สหภาพยุโรป หรืออียู ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ รัสเซีย และอิหร่าน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพต่อรัฐธรรมนูญของตุรกี
ส่วนนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหารยุติการกระทำดังกล่าวทันที เนื่องจากการที่กองทัพเข้ามาแทรกแซงการปกครองของฝ่ายพลเรือนนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้