เมื่อ 26 เม.ย. เอเอฟพีรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับคูเวตหวนกลับไปร้าวลึกอีกครั้ง หลังจากเกิดคดีน.ส.โจอันนา เดมาฟีลิส สาวใช้ฟิลิปปินส์ถูกฆาตกรรมแช่แข็งศพนานนับปีในคูเวต จนฟิลิปปินส์สั่งเรียกแรงงานกลับประเทศ ทำให้ทางการคูเวตพยายามขอคืนดีเพื่อให้ยุติคำสั่งห้ามแรงงานไปคูเวต แต่ล่าสุด กลับเป็นฝ่ายคูเวตที่สั่งขับนายเรนาโต บีญา เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ออกจากประเทศ
สาเหตุของปมพิพาทรอบใหม่เกิดหลังจากมีชาวฟิลิปปินส์ 2 คนร่วมมือกับทางสถานทูตฟิลิปปินส์บุกเข้าช่วยลูกจ้างหญิงชาวฟิลิปปินส์หนีออกจากบ้านนายจ้างที่ทำร้าย จากนั้นทูตบีญาให้สัมภาษณ์ว่า สถานทูตต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเอง เพราะเจ้าหน้าที่คูเวตไม่ยอมทำอะไรเลย หลังจากได้รับแจ้งไปแล้ว 24 ชั่วโมง
แม้ว่าต่อมาทูตบีญาเสนอจะแถลงขอโทษทางการคูเวตที่เร่งรัดจัดการเรื่องนี้ แต่ฝั่งคูเวตตำหนิซ้ำว่า ฟิลิปปินส์ละเมิดกฎระเบียบปฏิบัติของทางการคูเวต จากนั้นก็ส่งคำประท้วงไปสองรอบ ก่อนออกคำสั่งขับทูตรายนี้ออกจากประเทศในที่สุด
คำสั่งดังกล่าวของคูเวต ทำให้กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เรียกร้องให้ชี้แจงอย่างเร่งด่วนที่สุด นายแฮร์รี โรก โฆษกผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโรดิโก ดูแตร์เต และรัฐบาลฟิลิปปินส์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้นำฟิลิปปินส์เพิ่งหารือกับเอกอัครราชทูตคูเวตถึงเรื่องดูแลแรงงาน และทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ส่งออกแรงงานออกไปทั่วโลก มีมากกว่า 260,000 คนที่ทำงานในคูเวต และส่วนใหญ่รับจ้างทำงานบ้านเป็นแม่บ้านหรือสาวใช้ หลังจากเกิดกรณีพบศพ น.ส.เดมาฟีลิสถูกแช่แข็งในบ้านพักของนายจ้างมานานนับปี ทำให้ฟิลิปปินส์สั่งห้ามส่งแรงงานไปคูเวต พร้อมต่อรองให้คูเวตปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพของแรงงานฟิลิปปินส์มากขึ้น ซึ่งกระบวนการกำลังดำเนินไปด้วยดี กระทั่งมาเกิดข้อพิพาทล่าสุดนี้อีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ศพสาวใช้ปินส์ถูกฆาตกรรมแช่แข็งในคูเวต ส่งถึงบ้าน-ญาติร่ำไห้ขอความยุติธรรม
คูเวตตัดสินประหารทั้งสองผัวเมีย! คดีฆ่าสาวใช้ปินส์ แช่แข็งศพนานนับปี