เมื่อวันที่ 30 เม.ย. เอพีรายงานสถานการณ์คาราวานผู้อพยพ 200 คน รวมถึงลูกเล็กเด็กแดงจากหลายประเทศในอเมริกากลางติดค้างอยู่บริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ขณะพยายามข้อลี้ภัย ข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐแต่ถูกสกัดกั้นไว้เป็นวันที่สองติดต่อกันบริเวณเมืองซานดิเอโก ขณะที่ฝ่ายสหรัฐยืนกรานว่า รับเข้าไม่ได้เพราะไม่มีสาธารณูปโภค หรือพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ลี้ภัย

ดอยต์เชอเวลเลอ รายงานว่า จำนวนผู้อพยพสูงขึ้นอีกในวันจันทร์ที่ 30 เม.ย. ด้านหลังรั้วเหล็ก หลังจากชาวอเมริกาหลางหลายพันคนที่เดินทางผ่านเม็กซิโกเข้ามาถึงพรมแดนสหรัฐ

นายเควิน แมค อาลีเน่น ผู้บัญชาการหน่วยลาดตระเวนชายแดนและศุลกากร กล่าวในแถลงการณ์ว่าด่านตรวจคนเข้าเมืองซานอิซิโดร รับคนเต็มความจุของพื้นที่แล้ว พร้อมเพิ่มว่าผู้อพยพอาจจะต้องรอในประเทศเม็กซิโกเป็นการชั่วคราว

 

เด็กเล็กนอนติดค้างอยู่ฝั่งเม็กซิโก(AP Photo/Hans-Maximo Musielik)

ด้านนิโคล รามอส ทนายความนักเคลื่อนไหวที่เดินทางมากับขบวนผู้อพยพถึงกับตกตะลึงว่าเจ้าหน้าที่ฝ่านสหรัฐไม่พร้อมในการรับมือกับกลุ่มคนอพยพ ทั้งๆที่มีการเตือนมาก่อนหน้านี้ว่าจะมีบรรดาผู้อพยพเดินทางมา อย่างไรก็ตามผู้อพยพส่วนใหญ่ที่มาจากอเมริกากลางโดนทางการสหรัฐสั่งห้ามเข้าประเทศ และส่วนใหญ่ถูกส่งตัวต่อไปศูนย์กักกัน โดยบางคนต้องอยู่ในศูนย์ดังกล่าวเป็นเวลาหลายปี

ได้แต่มองลอดรั้วเข้าไไป (AP Photo/Hans-Maximo Musielik)

เหตุการณ์ขบวนคาราวานของกลุ่มอพยพเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเคยลั่นไว้ว่าให้เจ้าหน้าที่ทุกคนจับตามมองการกระทำที่ผิดกฎหมายจากกลุ่มคนอพยพเหล่านี้อย่าให้เข้ามาในพรมแดนสหรัฐ

ผู้อพยพนั่งรออยู่บนกำแพงกั้นพรมแดน (AP Photo/Chris Carlson)

นอกจากนี้รัฐบาลของทรัมป์ยังยกเลิกนโยบายที่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัย ที่พ้นจากการถูกจับเข้ามาอยู่ในสหรัฐ แม้ว่าผู้อพยพบางคนที่ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาคดีก็ตาม

ผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากประเทศฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอล ซัลวาดอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่หนีความตายที่ถูกข่มขู่กลุ่มผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ความไม่ปลอดภัยทางร่างกาย และเพศ รวมไปถึงการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน