บีบีซีรายงานว่า เมื่อ 12 พ.ค. นายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ถูกห้ามออกนอกประเทศ ขณะทั้งสองเดินทางไปสนามบิน และมีข่าวจะไปพักผ่อนที่อินโดนีเซีย แต่คำสั่งเกิดขึ้นหลังนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ อีกครั้งและประกาศทวงเงินที่รัฐสูญเสียไปในโครงการกองทุน 1MDB สมัยนายนาจิบเป็นผู้นำ และนายนาจิบถูกครหาว่าโยกเงินจากองทุนเข้ากระเป๋าตัวเอง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 22,400 ล้านบาท
ก่อนหน้าจะถูกสกัดเดินทางออกนอกประเทศ นายนาจิบเพิ่งทวีตข้อความว่า ตนเองต้องการหยุดพักผ่อนในระสั้น ๆ เพื่อใช้เวลากับครอบครัว ต่อมาปรากฏชื่อ ในเที่ยวบิน “เจ็ตส่วนตัว” เช่าเหมาเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เช้าวันเสาร์ที่ 12 พ.ค.
นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือน “ครูการเมือง” ของนายนาจิบ ประกาศเดินหน้าสอบสวนกรณีอื้อฉาวกองทุน 1MDB ของรัฐบาล ซึ่งนายนาจิบถูกกล่าวหาว่าแต่เจ้าตัวปฏิเสธ
“หลังผ่านมาสี่ทศวรรษในวงการการเมือง และการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผม และอาจเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซีย ผมจะหยุดพักผ่อนในช่วงสั้น ๆ เพื่อให้เวลากับครอบครัวที่ผมไม่มีเวลาให้พวกเขาเพียงพอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” นายนาจิบระบุในทวิตเตอร์
อีกข้อความที่นายนาจิบทวีตระบุว่า “ผมขอโทษสำหรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดใด ๆ และผมขอขอบคุณประชาชนที่มอบโอกาสในการเป็นผู้นำประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา“
นายนาจิบ วัย 64 ปี นำพรรคแนวร่วมแห่งชาติ หรือบีเอ็น พ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติมาเลเซีย หลังบีเอ็นปกครองประเทศมายาวนานถึง 61 ปีนับจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ โดยได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพียง 79 จาก 222 ที่นั่ง