เอเอฟพีรายงานวันที่ 16 พ.ค. รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแถลงด้วยท่าทีสุขุมไม่ตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ง้อหากเกาหลีเหนือจะยกเลิกการประชุมสุดยอดนัดประวัติศาสตร์ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ประเทศสิงคโปร์
“เรายังหวังว่าการพบปะครั้งนี้จะเป็นไปตามกำหนด เรายังคงเดินไปตามเส้นทางนี้ และขณะเดียวกันเราก็เตรียมการสำหรับการเจรจาต่อรองที่หนักหน่วง ท่านประธานาธิบดีพร้อมแล้วหากมีการพบปะเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่มี เราก็จะเดินหน้ากดดันขั้นสูงสุดต่อไป” น.ส.ซาราห์ แซนเดอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
เกาหลีเหนือขู่ล้มนัดนายทรัมป์ หลังจากเพิ่งยกเลิกการประชุมผู้นำระดับสูงกับเกาหลีใต้วันที่ 16 พ.ค.อย่างกะทันหัน เพราะไม่พอใจที่สหรัฐกับเกาหลีใต้ยังซ้อมรบกันตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. โดยมีเครื่องบินร่วมซ้อมรบนับ 100 ลำ รวมถึงเครื่องบินรบสอดแนม F-22 และเครื่องบินทิ้งระเบิด
นอกจากนี้ นายคิม คเย-กวาน รมช.การต่างประเทศเกาหลีเหนือ ยังให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือหรือเคซีเอ็นเอ ว่า หากสหรัฐพยายามที่จะผลักให้เกาหลีเหนือจนมุมเพื่อบีบให้ละทิ้งนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว เกาหลีเหนือจะไม่สนใจแยแสต่อการประชุมดังกล่าว หากถ้าเป็นดังนั้น เกาหลีเหนือจะต้องคิดใหม่อีกรอบถึงการเข้าร่วมซัมมิต
รัฐมนตรีคิมกล่าวอีกว่า เกาหลีเหนือแสดงออกอย่างชัดเจนในหลายโอกาสแล้วว่าเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์คือการยุตินโยบายที่แสดงถึงความเป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ และการหักหลังจากสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังไม่พอใจที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐที่พูดว่าจะใช้ลิเบียโมเดลสำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ซึ่งไม่เป็นมงคล เหมือนพยายามยัดเยียดให้ประเทศเกาหลีเหนือที่มีศักดิ์ศรีลงเอยมีชะตากรรมเดียวลิเบียหรืออิรัก
นอกจากนี้รัฐมนตรีคิมยังกล่าวว่า เกาหลีเหนือไม่สนใจข้อเสนอจากนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐที่เสนอช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแลกกับการที่เกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ เพราะเกาหลีเหนือไม่เคยคาดหวังใดๆต่อความช่วยเหลือจากสหรัฐในการสร้างเศรษฐกิจเกาหลีเหนือและจะไม่ทำข้อตกลงลักษณะดังกล่าวในอนาคต
ด้านนายแพ็ก แทฮยุน โฆษกกระทรวงกิจการรวมชาติของเกาหลีใต้กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือนั้นน่าเสียใจ คัดค้านจิตวิญญาณพื้นฐานและวัตถุประสงค์ของแถลงการณ์ปันมุนจอม
ส่วนรัฐบาลจีน นายลู่ กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวเรียกร้องให้หมายนัดพบประวัติศาสตร์ระหว่างนายทรัมป์กับนายคิมดำเนินต่อไปได้ตามกำหนดอย่างราบรื่นและบรรทุผล เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ในคาบสมุทรและนำไปสู่สันติภาพและความมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้จีนยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจยั่งยุให้เกิดความตึงเครียด เพื่อสร้างบรรยากาศและเงื่อนไขอันดีสำหรับการตั้งต้นการเมืองของคาบสมุทรผ่านการเจรจา
ศ.คิม ฮยุนวุก แห่งสถาบันการทูตแห่งชาติเกาหลี วิเคราะห์ว่า เกาหลีเหนือพยายามที่จะกำหนดนิยามใหม่ในแง่ของการหารือกัน เป็นเทคนิคหรือนโยบายที่จะเปลี่ยนฐานะสหรัฐ หลังเกาหลีเหนือฟื้นสัมพันธ์กับจีนให้เป็นปกติแล้ว และความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว การทูตของเกาหลีเหนือที่ใช้วิธีขึงเชือกระหว่างสหรัฐกับจีนจึงเริ่มต้นอีกครั้ง