เมื่อ 18 พ.ค. เอพีรายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงที่ทำเนียบขาวถึงแนวทางในการเจรจากับ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ในวันที่ 12 มิ.ย. ที่สิงคโปร์ ว่า ถ้าผู้นำเกาหลีเหนือ ปลดอาวุธนิวเคลียร์ จะได้รับการตบรางวัลด้วยความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่และยังครอบครองระเบิดปรมาณูไว้ อาจต้องพบจุดจบแบบเดียวกับ โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย
สำหรับพ.อ.กัดดาฟีจบชีวิตอย่างน่าอนาถ เมื่อถูกกลุ่มนักรบฝ่ายกบฏที่ชาติตะวันตกสนับสนุนรุมเอาชีวิต หลังกัดดาฟีถูกโค่นอำนาจและหนีกระเซอะกระเซิงอยู่กลางทะเลทราย เมื่อปี 2554
วาทะของนายทรัมป์ไม่มีท่าทีลดราวาศอก ทั้งที่เกาหลีเหนือเริ่มตีรวนว่าอาจล้มนัดหมายประวัติศาสตร์ดังกล่าว เพราะไม่พอใจที่สหรัฐยังซ้อมรบเอิกเกริกกับเกาหลีใต้ และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีทรัมป์ยังเสนอแนะให้ใช้ลิเบียโมเดลปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ จนถูกมองว่าไม่เป็นมงคล เพราะสุดท้ายแล้วกัดดาฟีมีจุดจบที่น่าอนาถ
นายทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐไม่มีแผนใช้มาตรการลิเบียโมเดลเพื่อบีบบังคับให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ และดูแล้วน่าจะเป็นโมเดลแบบเกาหลีใต้ มากกว่า ในแง่ของอุตสาหกรรม ความขยันขันแข็ง รวมถึงพลเมืองที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์กลับกล่าวเชิงข่มขู่ว่า หากนายคิมยอมทำตามข้อตกลง จะได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยอย่างดีที่สุด และมีอำนาจบริหารประเทศต่อไป แต่หากไม่ยอมปลดอาวุธ ก็อาจลงเอยแบบกัดดาฟี