วันที่ 26 พ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ระบุว่าการหารือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างตนกับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ อาจเกิดขึ้นตามกำหนดเดิมที่วางไว้ในวันที่ 12 มิ.ย. ที่สิงคโปร์ พร้อมชื่นชมและว่าเป็นข่าวดีภายหลังรัฐบาลเกาหลีเหนือแถลงว่ายังยินดีจะเจรจาทุกรูปแบบและทุกเมื่อกับสหรัฐ โดยไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนายทรัมป์แสดงความคิดเห็น นายคิมเดินทางไปหารือกับประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหาร (ดีเอ็มซี) พรมแดนสองชาติเกาหลี เพื่อเร่งผลักดันให้การหารือของนายทรัมป์ปและนายคิมเกิดขึ้นจริง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากนายทรัมป์เป็นฝ่ายประกาศยกเลิกการเจรจาดังกล่าวแบบฟ้าแลบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางความผิดหวังของนานาประเทศที่วิตกกังวลว่าการปฏิเสธของนายทรัมป์จะทำให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายขึ้น และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งผลักดันให้เกิดการเจรจาระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ
นายทรัมป์โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ค. ว่า “เรามีการพูดคุยอย่างเป็นผลกับเกาหลีเหนือถึงการกลับมาจัดการประชุมสุดยอด หากเกิดขึ้นก็น่าจะยังจัดในสิงคโปร์และในวันเดิม วันที่ 12 มิถุนายน และถ้ามีกรณีจำเป็นก็อาจเลื่อนจากกำหนดดังกล่าวออกไป”
นอกจากนี้นายทรัมป์ยังกล่าวกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. ว่า “ตอนนี้เราคุยกับเกาหลีเหนือ พวกเขาต้องการที่จะหารืออย่างมาก และเราเองก็อยากทำเช่นนั้น” ขณะที่น.ส.ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่าถ้ามีการเจรจาในวันที่ 12 มิ.ย. รัฐบาลจะดำเนินการเตรียมความพร้อมให้ทันตามกำหนด
ด้านนายจิม แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดข่าวดีเกี่ยวกับการหารือครั้งประวัติศาสตร์นี้ นายไมก์ พอมเพโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งโทรศัพท์หารือกับนายคัง คยองวา รมว.กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ว่า สหรัฐและเกาหลีใต้จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การเจรจาเกิดขึ้นจนกว่าเกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ