ทรัมป์-คิมลงนาม สหรัฐจัดให้อีกแผนถอนทหารพ้นเกาหลีใต้ ประหยัดงบ
ทรัมป์-คิมลงนาม – อินดีเพนเดนต์ รายงานความคืบหน้าการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ที่โรงแรมคาเพลลา เกาะเซนโตซา สิงคโปร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลาในเวลา 09.05 น.ตามเวลาท้องถิ่น
หลังจากหารือในช่วงเช้า สองผู้นำร่วมรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นนายทรัมป์เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าการหารือกับนายคิมมีความก้าวหน้าอย่างมาก และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะลงนามบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้
“การพูดคุยคืบหน้าอย่างมาก เป็นผลลัพธ์เชิงบวกจริงๆ ผมคิดว่ามันดีกว่าที่ใครๆ คาดการณ์ไว้เสียอีก สุดยอดของที่สุด ดีจริงๆ เรากำลังจะลงนามในตอนนี้” นายทรัมป์กล่าวขณะเดินเล่นกับนายคิมหลังรับประทานอาหารเสร็จ แต่ยังไม่ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่าเป็นการลงนามความตกลงเรื่องใด
หลังการหารือ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ว่าสหรัฐจะยุติภารกิจการซ้อมรบประจำปีร่วมกันกับกองทัพเกาหลีใต้ ได้แก่ ยุทธการแม็กซ์ ธันเดอร์ ซึ่งเป็นการซ้อมรบทางอากาศ ยุทธการอุลจี ฟรีด้อม ซึ่งเป็นการซ้อมรบทางบกและทางทะเล และยุทธการโฟล อีเกิ้ล ที่เป็นการซ้อมรบแบบจำลองในคอมพิวเตอร์
รวมทั้งระบุว่าต้องการที่จะถอนทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ 28,500 นาย กลับสู่มาตุภูมิ แต่ไม่ได้ระบุว่าเกาหลีเหนือจะให้สิ่งใดเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนดังกล่าว
สหรัฐจะยุติการซ้อมรบ เพราะจะทำให้ให้สหรัฐประหยัดงบประมาณไปได้มหาศาล สถานการณ์ตอนนี้คือเรากำลังอยู่ระหว่างการเจรจากันในข้อตกลงแบบเบ็ดเสร็จ “การเลิกซ้อมรบนั้นเหมาะสมแล้ว ข้อแรก เราประหยัดเงิน ข้อสองคือมันเป็นสิ่งที่ทางเกาหลีเหนือเค้าต้องการและจะปลาบปลื้มมากๆ”
คำกล่าวของผู้นำสหรัฐสอดคล้องกับข้อแนะนำจากทางการจีนที่เคยเสนอข้อตกลงแบบ ฟรีซ ฟอร์ ฟรีซ หรือยุติและยุตอ โดยเสนอให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป แลกกับให้สหรัฐยุติการซ้อมรบประจำปีร่วมกับเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังแสดงเจตนารมย์ว่าต้องการถอนทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้กลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ในนโยบายช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
“ผมอยากจะพาพวกเขากลับบ้านนะ” และว่า “ตอนนี้เรื่องถอนทหารยังไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แต่ในอนาคตผมหวังว่ามันจะอยู่ด้วย” ทรัมป์ กล่าว
ด้านกองบัญชาการกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ ระบุว่า ยังไม่ได้รับคำสั่งใหม่ให้เปลี่ยนแปลงสถานะหรือรูปแบบการปฏิบัติการใดๆ โดยกำลังของสหรัฐจะยังคงปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้ตามเดิมจนกว่าจะมีคำสั่งใหม่จากเพนตากอน
ขณะเดียวกันบีบีซีเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนชาวอเมริกันของมหาวิทยาลัยควินนิแพ็ก พบว่าร้อยละ 72 สนับสนุนและเห็นชอบที่นายทรัมป์ตัดสินใจหารือกับนายคิม แม้ว่าร้อยละ 68 ระบุไม่เชื่อว่านายคิมจะยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม
จากผลสำรวจดังกล่าวนักวิเคราะห์ก่าวว่านอกจากการหารือครั้งสำคัญจะเปลี่ยนมุมมองที่ประชาคมโลกมีต่อนายคิมแล้ว ยังช่วยปรับทัศนคติของชาวอเมริกันที่มีต่อนายทรัมป์ด้วย
อ่านต่อ: