เร่งปลด ‘นุก’ ! มะกัน คว่ำบาตรต่อ – จี้ เกาหลีเหนือ ทำตามสัญญา
เร่งปลด ‘นุก’ – เมื่อ 14 มิ.ย. เอเอฟพี รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาย้ำจุดยืนว่าจะยังไม่มีการผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือจนกว่ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีจะเสร็จสมบูรณ์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ สร้างประวัติศาสตร์ประชุมและลงนามในแถลงการณ์ร่วมย้ำเจตนารมณ์ในการปลดอาวุธดังกล่าวที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างตั้งข้อสังเกตว่า ประชาคมโลกยังไม่ได้สิ่งใดที่เป็นชิ้นเป็นอันจากเกาหลีเหนือนอกจากกระดาษใบเดียว
นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ทางการสหรัฐยังคงยืนยันข้อเรียกร้องตามกระบวนการ “ปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวรและตรวจสอบได้” หรือซีวีไอดี พร้อมย้ำว่า ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือตระหนักดีว่ากระบวนการนี้จะต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วน
นายคิมยิ้มอารมณ์ดีขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์อวดลายเซ็นที่ลงนามในความร่วมมือ /REUTERS/
รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ย้ำด้วยว่า สหรัฐจะไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือใดๆ ให้กับเกาหลีเหนือเหมือนกับที่รัฐบาลสหรัฐชุดก่อนๆ เคยทำมา หลังเกาหลีเหนือเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์มาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ย้ำท่าทีดังกล่าวไว้ชัดเจน
Chung Sung-Jun/Pool Photo via AP
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวของนายพอมเพโอ เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์สร้างความตื่นตกใจให้กับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น หลังประกาศว่าจะยุติปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีกับกองทัพเกาหลีใต้ และแสดงความต้องการที่จะถอนทหารอเมริกันซึ่งประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้กลับประเทศด้วย ส่งผลให้สหรัฐต้องส่งบรรดาผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมสามฝ่ายกับทั้งทางการเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยบรรยากาศทางการทูตดำเนินไปอย่างสับสนและโกลาหล
REUTERS
ด้านนางกัง กุงวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทางกองทัพจะต้องหารือกัน พร้อมย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐยังเข้มข้นเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่นายทาโระ โคโนะ รมว.กลาโหมญี่ปุ่น มองว่า ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องปรามคู่ขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมแนะนำว่าสหรัฐควรรอให้เกาหลีเหนือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อความมั่นคงในภูมิภาคเสียก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
