2ลุงบนปก”ไทม์” ลุงทรัมป์กับเหยื่อน้อย และลุงตู่พาดหัวเผด็จการ-ปชต.

2ลุงบนปก”ไทม์” – นิตยสารไทม์ ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 เปิดตัวปกออกมาฮือฮาพร้อมๆ กัน ทั้งเวอร์ชั่นอเมริกา และเวอร์ชั่นของเอเชียที่เผอิญเป็นผู้นำอย่างลุงทรัมป์และลุงตู่

ไทม์เวอร์ชั่นอเมริกา เป็นรูปตัดต่อภาพถ่ายเด็กผู้อพยพต่างด้าวร้องไห้จ้าอยู่ชายแดนสหรัฐอเมริกา แหงนหน้ามองไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ พร้อมข้อความ “ยินดีต้อนรับสู่อเมริกา” เสียดสีนโยบาย “อดทนเป็นศูนย์” ต่อผู้ลักลอบเข้าเมือง ทำให้เด็กกว่า 2,300 คนถูกพรากจากพ่อแม่ผู้ปกครองไปแยกกักไว้ตามศูนย์ต่างๆ กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึง

2ลุงบนปก"ไทม์"

ภาพหนูน้อยวัย 2 ขวบชาวฮอนดูรัสที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะแม่ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกตรวจนั้น ถ่ายโดย จอห์น มัวร์ ช่างภาพเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ สะท้อนอารมณ์และโฉมหน้าความทุกข์ทรมานของมนุษย์จากนโยบายขัดขวางผู้อพยพของอเมริกาในยุคนี้เป็นอย่างดี

แม้ว่านายทรัมป์จะลงนามยกเลิกคำสั่งแยกเด็กจากพ่อแม่ผู้ปกครองไปแล้ว แต่ในบันทึกลงนามไม่ระบุมาตรการหรือทางออกที่จะแก้ปัญหาเด็กที่ถูกพรากออกมาแล้ว 2,300 คน และจับแยกไปกักตามศูนย์ต่างๆ โดยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย

ภาพจริงในเหตุการณ์ บันทึกโดย จอห์น มัวร์ / AFP

ส่วนไทม์เวอร์ชั่นเอเชีย สะดุดตาคนไทยเป็นพิเศษ เพราะเป็นภาพถ่ายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำไทยที่มาจากการรัฐประหาร ถ่ายโดย อดัม เฟอร์กูสัน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. กับข้อความพาดหัวหน้าปก ว่า นักประชาธิปไตย เผด็จการ ประยุทธ์ จันทร์โอชาของประเทศไทยจะเลือกเส้นทางใด

เนื้อหาในเล่ม เป็นบทความของชาร์ลี แคมป์เบลล์ ผู้สื่อข่าวนิตยสารไทม์ ประจำกรุงเทพฯ ตั้งหัวข้อว่า “ผู้นำของประเทศไทยสัญญาจะฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่ไปๆ มาๆ เขากลับกระชับอำนาจ” เริ่มเนื้อหาด้วยการสัมภาษณ์เส้นทางของพล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นทหารมา 4 ทศวรรษ ก่อนรัฐประหาร เพราะเห็นว่า เวลาประชาชนเดือดร้อน ทหารต้องเข้าช่วย

บทความนี้ระบุด้วยว่า รัฐประหารครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 ที่สำเร็จลุล่วงตามความต้องการของผู้ยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์สัญญาจะรีบนำพาประเทศที่มีประชากร 69 ล้านคนกลับคืนสู่ประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ผ่านมา 4 ปีแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกยาวนานแค่ไหน

ขณะที่ประชาชนยังคงรอคอยการเลือกตั้งในอนาคต หลายคนกลัวว่า ภายใต้การรปกครองของประยุทธ์ ประเทศที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในเอเชียของสหรัฐจะเสื่อมถอยสู่เผด็จการถาวร เพราะเกิดรูปแบบอื่นซ้ำมาแล้วในช่วงที่จีนแผ่อิทธิพล ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ สาละวนอยู่กับหลักการ “อเมริกาต้องมาก่อน”

ทุกวันนี้ สหรัฐอเมริกาไม่ค่อยสนใจพันธมิตรในภูมิภาคที่เล็กกว่าอย่างประเทศไทยในอาเซียน หรือแม้แต่อาเซียนเอง แม้ว่านายทรัมป์จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์เมื่อเดือนตุลาคม 2560 แต่ก็ดูเหมือนว่าสหรัฐวุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง และทิ้งระยะห่างจากอาเซียน

2ลุงบนปก"ไทม์"

ขณะเดียวกัน ไทยเข้าใกล้ชิดจีนมากขึ้นตามที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวไว้ว่าเป็นพันธมิตรอันดับหนึ่ง ไทยซื้อรถถังจากจีนมาแล้ว 49 คัน ยานหุ้มเกราะ 34 คัน มูลค่าเกิน 320 ล้านดอลลาร์ หรือ 10,204 ล้านบาท บวกกับเรือดำน้ำอีก 3 ลำ มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 32,000 ล้านบาท และยังมีโรงยานผลิตอาวุธเพื่อการพาณิชย์ที่นครราชสีมาและขอนแก่นอีก ในช่วงที่จีนเริ่มสร้างเส้นทางสายไหมเส้นใหม่ หรือ เบลต์ แอนด์ โรด มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 32 ล้านล้านบาท

ด้วยผลของการนี้ ประชาธิปไตยเสรีจึงไม่ปรากฏให้เห็นในเส้นทางอันมั่งคั่ง ในกรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โหมการเซ็นเซอร์ กำจัดเสี้ยนหนาม และปลดล็อกวาระการดำรงตำแหน่ง ทำให้ตนเองปกครองไปได้ตลอดชีวิต โมเดลนี้อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลสหรัฐที่กำลังปั่นป่วน

ช่วงท้ายของบทความนี้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของคนทั่วไป ทั้งคนที่ชื่นชอบอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในภาคอีสาน แม่ค้าขายข้าวซอยที่ภาคเหนือ ครูวัยเกษียณที่ภาคใต้ พิธีกรข่าวคนดังทางโซเชียลมีเดีย ถึงสภาพเศรษฐกิจและความคาดหมายทางการเมืองที่ยังไม่แน่ใจว่า จะได้เลือกตั้งเมื่อใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน