ขึ้นอยู่กับบังกลาเทศแล้ว ‘ซูจี’กล่าวชัด กรณีส่งโรฮิงยากลับพม่าล่าช้า
ขึ้นอยู่กับบังกลาเทศแล้ว – เมื่อวันที่ 21 ส.ค. เอเอฟพีรายงานว่า นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อรับตัวผู้อพยพจากบังกลาเทศกลับสู่ถิ่นฐานในพม่า หลังชาวมุสลิมโรฮิงยากว่า 7 แสนคน ซึ่งหนีความรุนแรงจากภารกิจกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธของกองทัพพม่าในรัฐยะไข่ไปบังกลาเทศ ว่าขึ้นอยู่กับทางการบังกลาเทศ
คำกล่าวของนางซู จี มีขึ้นหลังทางการพม่าถูกสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และประชาคมโลกกดดันอย่างหนักให้รับรองความปลอดภัยและจัดสร้างชุมชนอยู่อาศัยที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวโรฮิงยา หลังพม่ากับบังกลาเทศลงนามในข้อตกลงทยอยส่งตัวชาวโรฮิงยากลับจากบังกลาเทศสู่ถิ่นฐานในรัฐยะไข่ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากชาวโรฮิงยาและบังกลาเทศหวาดเกรงความปลอดภัย
ทั้งยังตกลงกันไม่ได้ในรายละเอียด โดยเฉพาะประเด็นที่พม่ายังยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมใช้ชื่อชาติพันธุ์ในบัตรประชาชนว่า “โรฮิงยา” อ้างว่าไม่ใช่หนึ่งในชาติพันธุ์ของพม่า ขณะที่ยูเอ็นมองว่า ค่ายพักพิงที่ทางพม่าจัดสร้างไว้นั้นยังไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย คำกล่าวของนางซู จี ที่ประเทศสิงคโปร์ จึงถูกมองว่าเป็นการโยนความผิดให้ฝ่ายบังกลาเทศ เพื่อลดทอนกระแสกดดันจากนานาชาติ
“มันยากมากกับการที่พม่าจะกำหนดกรอบเวลาได้เองเพียงฝ่ายเดียว เพราะว่าเราต้องทำงานร่วมกันกับทางการบังกลาเทศ” และว่า “บังกลาเทศจำเป็นต้องตัดสินใจว่าต้องการกำหนดกรอบระยะเวลายาวนานเพียงใดด้วย” นางซู จี กล่าวในการประชุมเชิงวิชาการ หัวข้อว่า ความท้าทายและหนทางข้างหน้าในช่วงเปลี่ยนผ่านของระบอบประชาธิปไตยพม่า
นางซู จี กล่าวต่อว่า “พวกเราเป็นผู้ที่ต้องอยู่อาศัยในช่วงเปลี่ยนผ่านของพม่าเห็นไม่ตรงกันกับบุคคลอื่นที่มองเข้ามาจากภายนอก และบุคคลเหล่านี้ล้วนไม่เคยต้องรับผิดชอบกับผลลัพธ์ใดๆ” นอกจากนี้ ที่ปรึกษาแห่งชาติพม่ายังกล่าวโทษกลุ่มติดอาวุธของชาวโรฮิงยาและหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์กองทัพพม่า ว่าความเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่ภารกิจทางทหารรัฐยะไข่ ตราบใดที่ยังแก้ไขความท้าทายนี้ไม่ได้ ความเสี่ยงเรื่องความรุนแรงในชุมชนก็ยังมีอยู่