โหดเกินหยั่งถึง! รายงานใหม่ยูเอ็นลงลึก ช็อกวิธีทหารพม่าล้างโรฮิงยา
โหดเกินหยั่งถึง! – เมื่อ 18 ก.ย. เอเอฟพีรายงานว่า สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดรายงานเรียกร้องให้กองทัพพม่ายุติบทบาททางการเมืองในรายงานฉบับใหม่ที่ลงลึกในรายละเอียด ต่อเนื่องจากรายงานฉบับย่อที่เพิ่งประณามปฏิบัติการทางทหารของกองทัพพม่าในรัฐยะไข่ เข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงยา
#FFMMyanmar: The killing of civilians of all ages, incl. babies, can’t be argued to be a counter-terrorism measure. There can be no military imperative to rape women & girls or to burn people alive. It was a well planned, deliberate attack on a specific civilian population. pic.twitter.com/FnyQdzyZBW
— HRC SECRETARIAT (@UN_HRC) September 18, 2018
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีการเรียกร้องให้ศาลอาญากรรมระหว่างประเทศดำเนินการสอบสวนบรรดาผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพพม่า หลังการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชาวโรฮิงยากว่า 7 แสนคน ต้องหนีตายไปยังบังกลาเทศ ตั้งแต่ปี 2560
รายงานฉบับล่าสุดของยูเอ็นมีทั้งหมด 444 หน้า เป็นการสืบสวนสอบสวนของเชิงลึกของหน่วยเฉพาะกิจของยูเอ็นในพม่า ที่ได้ข้อสรุปว่ากองทัพพม่าจำเป็นต้องเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพใหม่ และดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างกองทัพ เพื่อให้สถาบันทางทหารของพม่าถูกกันออกไป ไม่ให้เข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองในประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทัพยังคงครองที่นั่งในสภาถึง 1 ใน 4 มีสิทธิวีโต้รัฐบาลในประเด็นความมั่นคง และมีอำนาจควบคุมกระทรวงสำคัญอย่างน้อย 3 แห่ง ตามรัฐธรรมนูญ โดยรายงานเรียกร้องให้รัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จี ดำเนินการลบล้างอิทธิพลของกองทัพต่อการเมือง
รายงานฉบับลงลึกในรายละเอียดดังกล่าวนำเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยนายมาร์ซูกี ดารุสมาน หัวหน้าทีมสอบสวนของยูเอ็น ชาวอินโดนีเซีย ชุดค้นหาความจริงการละเมิดสิทธิในเมียนมา หลังจากกองทัพพม่าปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และยืนกรานว่าต้องกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธโรฮิงยา
แต่การสอบสวนของยูเอ็นพบว่า ทหารพม่าใช้ยุทธวิธีอันน่าสะพรึง เช่น ตีวงล้อมแล้วแยกเพศ สังหารผู้ชายอย่างเป็นระบบ ยิงเด็ก และโยนศพลงแม่น้ำ หรือเผาทำลาย ส่วนผู้หญิงถูกรุมข่มขืนอย่างทารุณทั้งกายและใจ ทั้งถูกกัดรุนแรงทิ้งรอยให้เป็นสัญลักษณ์ตีตรา
“เป็นเรื่องยากที่จะหยั่งถึงระดับความโหดร้ายในปฏิบัติการทัตมาดอว์ที่ไม่แยแสต่อชีวิตพลเรือนอย่างสิ้นเชิง” นายดารุสมานกล่าว ขณะที่รายงานดังกล่าวประเมินว่าจะมีพลเรือนถูกสังหารในปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ราว 10,000 ราย
นายดารุสมานกล่าวด้วยว่า ลักษณะความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง อย่างโหดร้าย และเป็นระบบนี้ เปิดเผยจนเกินข้อสงสัยว่า การข่มขืนถูกใช้เป็นยุทธวิธีในสงคราม เราจึงสรุปว่า การกระทำในปฏิบัติการดังกล่าว รวมถึงกองกำลังความมั่นคงอื่นๆ อยู่ในข่ายของการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 4-5 ประเภท เหตุการณ์ทั้งหมดจึงสะท้อนว่า เป็นการเปิดทางให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเจตนา
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :