เงิบไปดิ! ผลการวิจัยชี้ ลีโอนาร์โด ดา วินชี วาดภาพระดับเทพได้ เพราะตาเหล่
20 ต.ค.เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานข่าว นักวิจัยชี้ว่า “อาการตาเหล่” อาจเป็นสาเหตุให้ ลีโอนาร์โด ดา วินชี สร้างสรรค์ผลงานศิลป์ของเขาออกมาได้อย่างไร้ที่ติระดับตำนาน รวมถึงรอยยิ้มอันน่าค้นหาของรูปวาดโมนาลิซาซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอก ก็อาจจะเกิดจากอาการตาเหล่เช่นเดียวกันที่ทำให้เขามองเห็นมิติความงามของรูปภาพได้มากกว่าคนทั่วไป
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทัศนมาตรศาสตร์และการมองเห็นจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษได้ทำการวินัจฉัยโรคตาเหล่ของลีโอนาร์โด ดา วินชี ผู้เป็นปรมาจารย์วงการศิลป์แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือยุคเรเนสซองซ์ (Renaissance) โดยวิเคราะห์ถึงมุมมองด้านการมองเห็นที่แตกต่่างจากคนทั่วไปจากการโฟกัสที่ผิดปกติของตาข้างหนึ่งต่อพื้นผิว ที่อาจสามารถทำให้เขาสร้างภาพจำลองในหัวต่างจากคนทั่วไปได้
ลีโอนาร์โด ดา วินชี
นับเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างผลงานศิลป์เป็นอย่างมาก เพราะการมองเห็นภาพสามมิติของคนเรามาจากการประมวลผลของสมอง โดยอาศัยข้อมูลจากสิ่งที่ดวงตาทั้งสองข้างมองเห็น
ด้วยเหตุนี้คนที่มีอาการตาเหล่จึงสามารถถ่ายทอดภาพสามมิติลงบนผืนผ้าใบที่เป็นสองมิติได้ดี เพราะสมองให้ความสำคัญกับข้อมูลภาพสามมิติที่ได้รับจากตาของข้างต่างจากคนทั่วไป เนื่องจากการเปลี่ยนวิวที่เห็นจากสามมิติเป็นสองมิติผ่านการมองด้วยตาเพียงข้างเดียวของคนตาเหล่ จะมีประสิทธิภาพกว่าคนที่ไม่มีอาการในหลายๆสถานการณ์
ภาพวาดโมนาลิซา
ทั้งนี้จากการวิจัยภาพวาดของ ลีโอนาร์โด ดา วินชี ทีมแพทย์เชื่อว่าอาการตาเหล่ของเขาไม่ได้จัดว่ารุนแรงมากนักและไม่ได้เกิดขึ้นตลอด ทำให้เขาสามารถพลิกแพลงการมองเห็นได้ดีกว่าคนทั้วไปแต่ก็ไม่ถึงขั้นแปลกแยก
นอกจากนี้ทีมแพทย์ผู้ทำการวิจัยยังเชื่อว่าศิลปินระดับโลกคนอื่นๆอีกหลายคนในประวัติศาสตร์ น่าจะมีอาการตาเหล่เช่นเดียวกันกับลีโอนาร์โด ดา วินชี โดยศาสตราจารย์คริสโตเฟอร์ เทย์เลอร์ นักประสาทวิทยาผู้ร่วมเขียนงานวิจัย กล่าวว่า..
“น่าจะมีศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนที่อยู่ในกลุ่มอาการตาเหล่ เห็นได้ชัดจากตำแหน่งสายตาของพวกเขาบนภาพถ่ายบุคคล อย่างเช่น แร็มบรันต์ ฮาร์เมินส์โซน ฟัน ไรน์, อัลเบร็ชท์ ดือเรอร์, แอดการ์ เดอกาและปาโบล ปีกัสโซ“
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องคลิก : แพทย์สหรัฐฯ ชี้ สาเหตุที่ “โมนาลิซา” ยิ้มไม่สดใส เพราะน่าจะเป็นไทรอยด์
