เอเอฟพีรายงานวันที่ 16 ม.ค. ว่า อัยการเกาหลีใต้ยื่นขออำนาจศาลกรุงโซลเพื่อออกหมายจับนายนายอี แจยอง อายุ 48 ปี รองประธานบริษัทซัมซุง ฉายา “เจ้าชายซัมซุง” จากการเป็นลูกชายของนายอี คุนฮี ประธานซัมซุง บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ในข้อหาติดสินบนนางชเว ซูนซิล ฉายารัสปูตินหญิง เพื่อนสนิทของประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ หลังจากนายอี แจยอง ถูกสอบสวนนานกว่า 22 ชั่วโมงเมื่อสัปดาห์ก่อน
จากการตรวจสอบของอัยการ พบว่านางชเวใช้ความสนิทสนมกับน.ส.ปาร์ก เรียกร้องให้บริษัทซัมซุงบริจาคเงินเกือบ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท เข้ากองทุนไม่หวังผลกำไรของนางชเว 2 แห่ง เพื่อแลกกับการไหว้วานให้น.ส.ปาร์กช่วยเหลืออนุมัติการรวบกิจการของซัมซุงในปี 2558 อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อการกุศล แต่นางชเวนำไปใช้จ่ายเป็นการส่วนตัว
โฆษกสำนักงานอัยการระบุว่า ซัมซุงเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดของประเทศ และคิดเป็นสัดส่วนในลำดับที่ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ดังนั้น อัยการเชื่อในกระบวนการยุติธรรม และเห็นว่าควรจับผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดีแม้บุคคลนั้นๆ จะมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม ทั้งนี้ หากศาลเห็นชอบออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีนายอี แจยอง อย่างเป็นทางการ ทายาทซัมซุงคนดังจะเป็นนักธุรกิจคนแรกในคดีคอร์รัปชั่นฉาวประเทศที่ถูกจับ
หากมีการฟ้องร้องและตัดสินคดีแล้ว ผู้บริหารหนุ่มอาจต้องโทษจำคุก 5 ปี ตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติแล้ว นักธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้มักได้รับการรอลงอาญา ซึ่งในที่นี้รวมถึงนายอี คุนฮี ด้วย หลังข่าวนี้สะพัดออกไปทำให้หุ้นซัมซุงร่วงระนาวทันที กว่าร้อยละ 2.14 เป็นวิกฤตต่อเนื่องจากที่ประสบปัญหาระงับการขายเครื่องโน้ต 7