เอเอฟพีรายงานวันที่ 18 ม.ค. ว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาแถลงว่า ตำรวจญี่ปุ่นนำกำลังเข้าช่วยเหลือหญิงชาวกัมพูชา 7 คน ซึ่งถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศที่ร้านอาหารในจังหวัดกุนมะ เกาะฮอนชู ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น หลังเหยื่ออาชญากรรมค้ากามโพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก

เหยื่อสาวอายุราว 20 ปี เปิดเผยว่าถูกหลอกให้มาทำงานที่ร้านอาหารดังกล่าวเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยเจ้าของชาวญี่ปุ่นสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างสูง พร้อมทั้งดำเนินการขอวีซ่าและออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ แต่เมื่อมาถึงญี่ปุ่นเจ้าของร้านกลับข่มขู่และบังคับให้ร่วมเพศกับลูกค้า ซ้ำร้ายยังไม่จ่ายเงินเดือนให้ด้วย
ทั้งนี้ เหยื่อได้รับความช่วยเหลือหลังโพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำญี่ปุ่น จากนั้นทางสถานทูตจึงแจ้งเรื่องไปยังทางการญี่ปุ่น และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกุนมะ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว จึงเข้าช่วยเหลือ

หญิงสาว 6 คนที่พักอาศัยอยู่ในสถานทูตกัมพูชาประจำกรุงโตเกียว จะเดินทางกลับประเทศในวันพฤหัสบดีที่ 19 ม.ค. ส่วนหญิงสาวคนที่ 7 ถูกส่งกลับกัมพูชาไปก่อนหน้านี้เพราะเหตุผลด้านสุขภาพ

สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้หญิงจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีค่าจ้างที่สูงกว่างานในประเทศบ้านเกิด ซึ่งบ่อยครั้งถูกหลอกไปค้ากามหรือบังคับให้เซ็นสัญญาค้าแรงงานที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทางการฟิลิปปินส์เตือนพลเมืองที่เดินทางไปหางานทำในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายว่า มีความเสี่ยงถูกค้ามนุษย์ ทั้งค้ากามและแรงงานทาส

ส่วนรายงานของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการค้ามนุษย์ปี 2559 ระบุด้วยว่าญี่ปุ่นยังเป็นประเทศปลายทาง แหล่งกำเนิด และประเทศทางผ่านสำหรับการค้ามนุษย์ เนื่องจากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น โดยแก๊งอาชญากรรมค้ามนุษย์จะควบคุมการเคลื่อนไหวของเหยื่ออย่างเข้มงวด ทำให้เหยื่อเป็นหนี้ ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ว่าจะเปิดโปงความลับ หรือเนรเทศ ยึดหนังสือเดินทาง และอีกสารพัดวิธีจิตวิทยาเชิงบังคับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน