ทรัมป์ล้มนัดปูติน พลิกอีกตลบ! เขย่าดราม่าเวทีผู้นำโลก จี-20
ทรัมป์ล้มนัดปูติน – ซีเอ็นบีซี รายงานวันที่ 29 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มดราม่าให้เวทีการประชุมผู้นำกลุ่มจี-20 ที่กรุงบูเอโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา อีกระลอก เมื่อสั่งยกเลิกนัดเจรจาทวิภาคีกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพราะต้องการแสดงท่าทีประท้วงต่อกรณีรัสเซียยึดเรือรบยูเครนในทะเลดำ
แต่สื่อมวลชนสหรัฐจับสังเกตว่าเป็นการพลิกท่าทีหลังจากนายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายของนายทรัมป์ให้การต่อศาลว่า เคยโกหกต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา เมื่อปี 2560 เรื่องโครงการก่อสร้างตึกทรัมป์ทาวเวอร์ในกรุงมอสโก ว่าไม่มีจริง เพื่อจะได้เป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับที่นายทรัมป์พูดไป ขณะถูกสอบสวนว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เริ่มแสดงอาการจะล้มนัดมาแล้ว เมื่อให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ชอบความก้าวร้าวในเหตุการณ์ที่ทะเลดำ แต่ต่อมา รัฐบาลรัสเซียแถลงว่ารัฐบาลสหรัฐยืนยันหมายการพบปะระหว่างสองผู้นำเหมือนเดิม จากนั้นไม่กี่ชั่วโมง นายทรัมป์ก็สั่งล้มนัด ด้วยการตั้งเงื่อนไขออกมากดดันรัสเซีย
“เรือและกลาสียังไม่กลับคืนจากรัสเซียไปยังยูเครนเลย ผมหวังจะได้มีการพบปะที่มีความหมายอีกครั้ง หากสถานการณ์ได้รับการแก้ไขแล้ว” นายทรัมป์ทวีตข้อความที่สร้างความมึนงงให้ผู้คนอีกครั้ง
ด้านน.ส.ซาราห์ ฮักเคอร์บี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า นายทรัมป์จะเจรจากับผู้นำของตุรกี (นายเรเจ็ป ไตยิป เอร์โดอัน) และผู้นำเกาหลีใต้ (นายมุน แจอิน) ในลักษณะไม่เป็นทางการมากกว่าเป็นทางการ แต่โฆษกหญิงไม่ได้แจงเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
นอกเหนือจากดราม่ากับรัสเซียแล้ว ยังมีดราม่าที่นายทรัมป์จะถูกจับตาขณะพบหน้า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เป็นครั้งแรกหลังจากเปิดสงครามการค้าด้วยการตั้งกำแพงภาษีอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นที่คาดการณ์ไว้คือนายทรัมป์จะบีบให้จีนแก้ไขสิ่งที่สหรัฐมองว่าเอารัดเอาเปรียบสหรัฐ เพื่อแลกกับการให้สหรัฐยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีนอย่างสมบูรณ์ แต่นักวิเคราะห์เชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้นหากสหรัฐกับจีนจะตกลงกันได้
สำหรับไฮไลต์ที่เป็นอีกดราม่าหนึ่งบนเวทีนี้ คือการเสด็จเข้าร่วมเวทีจี-20 ของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ผู้ตกเป็นข้อครหาว่าบงการสังหารนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวอิสระและคอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐ ซึ่งนายทรัมป์กล่าวปกป้องว่า พระองค์อาจรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม สหรัฐจะถือว่าซาอุฯ เป็นพันธมิตรที่ต้องรักษาไว้เพื่อต่อกรกับอิหร่าน
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :