คดีด.ญ.10ขวบถูกพ่อทารุณตาย สื่อญี่ปุ่นจี้เอาผิดจนท.ทุกคนที่เกี่ยวข้อง

คดีด.ญ.10ขวบถูกพ่อทารุณตาย – คดีสะเทือนใจเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวของสังคมญี่ปุ่น เป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเด็กหญิงอายุ 10 ขวบต้องจบชีวิตอย่างน่าสลดจากการใช้ความรุนแรงของพ่อ ทั้งที่เด็กเคยขอให้ผู้ใหญ่คนอื่นยื่นมือเข้าช่วยแล้ว แต่เพราะการประสานงานที่บกพร่องและการไม่เอาใจใส่อย่างจริงจังของทุกฝ่าย

คดีสะเทือนใจนี้เป็นความตายของ ด.ญ.มิยะ คูริฮาระ อายุ 10 ขวบ ถูกพบเสียชีวิตในห้องน้ำที่บ้าน ที่เมืองโนดะ จังหวัดชิบะ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 พ่อของเด็ก นายยูอิจิโร อายุ 41 ปี ถูกจับกุม ฐานต้องสงสัยทำโทษลูกจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

การสอบสวนพบว่า นายยูอิิจิโร่ทำร้ายลูกอย่างมาราธอน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่มยี่สิบ จนโทร.แจ้ง 119 ว่าลูกสาวไม่ไหวติงอยู่ในอ่างอาบน้ำ ตำรวจพบร่างเด็กหญิงใส่เสื้อผ้าทั้งชุด และสิ้นใจในที่เกิดเหตุ

นายยูอิจิโรถูกจับกุมในวันรุ่งขึ้น และให้ปากคำว่า โมโหลูกในเรื่องทัศนคติของชีวิต จึงให้ไปอยู่ในอ่างน้ำแล้วเปิดน้ำเย็นจากฝักบัวใส่ กระชากผม บีบคอ และเขย่าตัว ตำรวจพบร่องรอยช้ำและบาดแผลทั่วตัว แสดงถึงการถูกทำร้ายอย่างสม่ำเสมอ

นายยูอิจิโรถูกจับกุม / ANN

สันนิษฐานว่า นายยูอิจิโรทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจลูกสาวทุกวัน รวมถึงการปลุกกลางดึกให้มายืนฟังตนเองอาละวาดด่าว่าลูก

สื่อมวลชนของญี่ปุ่นต่างนำเสนอความคิดเห็นผ่านบทความที่ตำหนิความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์และคนในกระทรวงศึกษาที่ล้วนมีส่วนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น

ไมนิจิ รายงานว่า เด็กหญิงเคยอยู่กับพ่อแม่ในเมืองอิโตมัง จังหวัดโอกินาวะ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 มีญาติไปแจ้งเจ้าหน้าที่เทศบาลว่า พ่อเด็กใช้ความรุนแรงต่อแม่เด็ก และข่มขู่จะทำร้ายลูก เจ้าหน้าที่จัดให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดู แต่หมายยกเลิกไปทั้งสองวัน

จากนั้นครอบครัวย้ายมาอยู่เมืองโนดะ จังหวัดชิบะ เจ้าหน้าที่เมืองอิโตมังแจ้งกับเจ้าหน้าที่เมืองโนดะถึงปัญหาของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ได้บอกว่า เด็กถูกพ่อข่มขู่ด้วย และที่นี่เองที่เด็กต้องจบชีวิต

ด้านบทบรรณาธิการของ อาซาฮี ชิมบุน สื่อใหญ่ของญี่ปุ่น ให้รายละเอียด ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ในเดือนพฤศจิกายน 2560 เด็กหญิงมิยะอยู่ชั้นประถม 3 เคยเขียนในแบบสอบถามของโรงเรียน เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงของพ่อที่ลงไม้ลงมือกับเธอ และขอให้ครูช่วยเธอด้วย

คดีด.ญ.10ขวบถูกพ่อทารุณตาย

เด็กหญิงมิยะ ผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง / ANN

ตอนนั้นโรงเรียนรายงานเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่เทศบาลเมือง ซึ่งต่อมาส่งเรื่องไปยังศูนย์ให้คำปรึกษาเด็ก ศูนย์ดังกล่าวขานรับเรื่องของเด็กทันที ด้วยการเข้าแทรกแซงให้ด.ญ.มิยะเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองชั่วคราว

เรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเดือนมกราคม 2561 ทางโรงเรียนไปแจ้งนายยูอิจิโร พ่อเด็ก ว่าเด็กเขียนตอบแบบสอบถามที่ระบุว่ามีปัญหาในครอบครัว จากนั้นองค์การเทศบาลฝ่ายการศึกษาก็ยอมให้สำเนาข้อเขียนของเด็กแก่นายยูอิจิโรเอาไปอ่าน

อาซาฮีระบุว่า นี่เป็นการกระทำที่เสียหายร้ายแรงถึงขั้นทำให้คนตาย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จึงต้องถูกดำเนินคดีให้รับผิดชอบถึงที่สุด

เพราะการให้พ่อเห็นว่าลูกสาวเขียนอะไรถึงตนนั้น ต้องมีผลทำให้การทำร้ายลูกรุนแรงยิ่งขึ้น และนึกออกได้เลยว่า เด็กหญิงจะสิ้นหวังเพียงใด เมื่อขอให้ผู้ใหญ่ช่วยและเก็บเป็นความลับ แต่กลับถูกทรยศ และไม่สามารถจะเชื่อใจผู้ใหญ่คนไหนได้อีก

ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น มิยะไม่ได้เขียนถึงการที่ถูกพ่อทำร้ายอีกเลย ในแบบสอบถามของโรงเรียนใหม่

การแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาของเทศบาลเมือง หลังเกิดเหตุสลดนี้ สมาชิกเทศบาลอ้างว่า เจ้าหน้าที่ถูกนายยูอิจิโร่ไล่บี้ข่มขู่คุกคามและจะเอาเรื่องให้ได้ เพื่อให้ได้สำเนาที่ลูกสาวเขียน จึงจำต้องให้ไป

เจ้าหน้าที่เทศบาลแถลงขอโทษ / KYODO

แทนที่จะตระหนักได้ว่า พฤติกรรมของนายยูอิจิโร่อันตรายเพียงใดต่อเด็กหญิง ขนาดผู้ใหญ่ด้วยกันยังกลัว แล้วเด็กจะทนได้อย่างไร เจ้าหน้าที่กลับล้มเหลวมากที่จะมองเรื่องนี้

สำหรับโรงเรียน การมาเจอพ่อแม่อารมณ์รุนแรง เป็นเรื่องยากก็จริง แต่ก็ควรจะหาระบบที่ทำให้โรงเรียนปรึกษาทนาย หรือผู้เชี่ยวชาญในการรับมือ หรือขอให้เข้าร่วมในสถานการณ์นั้นๆ

กรณีของด.ญ.มิยะยังแสดงให้เห็นความผิดพลาดอีกมาก นับจากที่ศูนย์ให้คำปรึกษาเด็กปล่อยเด็กหญิงกลับไปอยู่กับครอบครัวในเดือนมีนาคม 2561 อ้างว่ายังติดตามสถานการณ์ผ่านโรงเรียนได้ และอ้างว่าแผลที่เห็นตามร่างกายเด็กไม่น่าวิตกมาก

ที่พักที่เด็กตายอยู่ในบ้าน / Mainichi

สำหรับโรงเรียน เมื่อ 7 ม.ค. ปีนี้ เมื่อพ่อแจ้งกับโรงเรียนว่า ลูกสาวจะไม่มาโรงเรียนจนกว่าจะถึงวันที่ 4 ก.พ. แทนที่ทางโรงเรียนจะเอะใจ หรือเป็นห่วงสวัสดิภาพเด็ก กลับไม่ทำอะไรเลย

เป็นเรื่องทำใจได้ยากว่า ถ้าโรงเรียนใส่ใจและทำอะไรสักอย่าง อาจจะปกป้องเด็กให้พ้นจากความตายได้

เรื่องนี้จึงได้แต่ตอกย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและองค์กรสังคมสงเคราะห์นั้นสำคัญมาก แต่ผู้คนที่เกี่ยวข้องในกรณีเด็กหญิงมิยะก็ทำเหมือนกับคนที่เคยทำผิดพลาดในโศกนาฏกรรมหลายครั้งในอดีต

“เราจึงได้แต่ภาวนาว่า โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดนี้จะนำไปสู่ความพยายามที่จริงจังในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการสูญเสียชีวิตอีก ในกรณีทำร้ายเด็กแบบนี้” อาซาฮีระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน