มาซิโดเนียปัดคำขอลี้ภัย หญิงชาวดูไบหนีครอบครัว ถูกข่มขู่ปมหย่าสามี
มาซิโดเนียปัดคำขอลี้ภัย – วันที่ 12 ก.พ. ซีเอ็นเอ็น รายงานชะตากรรมของ นางฮินด์ โมฮัมหมัด อัลโบลูคี อายุ 42 ปี หญิงชาวเอมิเรตส์ที่ยื่นคำขอลี้ภัยในมาซิโดเนีย หลังหนีภัยประหัตประหารจากครอบครัวมา แต่สุดท้ายถูกปฏิเสธคำขอ และยังอยู่ในสถานกักกันตรวจคนเข้าเมือง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจะถูกส่งกลับบ้านเกิด
นางอัลโบลูคีเผยผ่านคลิปวิดีโอทางออนไลน์ว่า หนีออกจากบ้านในนครดูไบ หลังถูกครอบครัวข่มขู่คุกคาม เนื่องจากไม่ยินยอมให้เธอหาทางหย่าร้างกับสามีซึ่งจะทำให้เกียรติยศของครอบครัวเธอได้รับผลกระทบ และครอบครัวของเธอพยายามยึดหนังสือเดินทางของเธอด้วย
“หากมีคนขอพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน แสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้น และดิฉันก็ไม่ได้โง่ จึงตัดสินใจหนีออกมา” และว่า “ดิฉันเป็นแม่ลูก 4 ไม่มีแม่คนไหนทอดทิ้งลูกแบบนี้หรอก แต่ดิฉันต้องทิ้งลูก ดิฉันไม่มีทางเลือก” นางอัลโบลูคีเผยความรู้สึก
นางอัลโบลูคีถูกกักกันในสถานกักกันตรวจคนเข้าเมืองของมาซิโดเนียตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ปีที่แล้วจนถึงวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เธอถูกปฏิเสธคำขอลี้ภัยจากกระทรวงกิจการภายในของมาซิโดเนีย
ผ่านตุรกี-เซอร์เบียหนีเข้ามาซิโดเนีย
นายเนนาด ดีมีตรอฟ เพื่อนชาวมาซิโดเนียของนางอัลโบลูคี ซึ่งดูแลบัญชีทวิตเตอร์ของเธอนับตั้งแต่ถูกจับกุม บอกว่า พบนางอัลโบลูคีครั้งแรกบนเรือสำราญ และติดต่อกับเธอนับแต่นั้นมา
นายดีมีตรอฟเล่าว่า นางอัลโบลูคีหนีจากครอบครัวเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ปีที่แล้ว หลังได้รับอนุญาตให้เข้าห้องน้ำ จากนั้นวิ่งออกมาจากบ้านโดยไม่สวมรองเท้า ไปหลบซ่อนตัวอยู่เขตก่อสร้างใกล้เคียง ก่อนจะโบกรถแท็กซี่ไปยังบ้านเพื่อนอีกคนในเมืองชาร์จาห์ของเอมิเรตส์ ริมคาบสมุทรอาหรับ แล้วหนีข้ามไปบาห์เรนโดยทางบก
นายดีมีตรอฟเล่าต่อว่า นางอัลโบลูคีติดต่อตนโดยขอให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปมาซิโดเนีย เนื่องจากเธอกลัวที่จะจองตั๋วเครื่องบินด้วยบัตรเครดิตของเธอเอง
“ตอนขอความช่วยเหลือ เธออยู่ในบาห์เรนแล้ว และบอกว่า ‘ฉันไม่มีใครช่วยอีกแล้ว คุณช่วยให้ฉันได้ตั๋วเครื่องบินได้ไหม?’ ”
ในที่สุด นางอัลโบลูคีเข้ามายังมาซิดีเนียได้เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ปีที่แล้ว ผ่าน 2 ประเทศ ได้แก่ ตุรกีและเซอร์เบีย จากนั้นยื่นขอลี้ภัยในมาซิโดเนียอีก 2 สัปดาห์ต่อมา
ทว่ากระทรวงกิจการภายในของมาซิโดเนียระบุผ่านแถลงการณ์ว่า คำขอลี้ภัยของนางอัลโบลูคีได้รับการปฏิเสธเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานแสดงถึงภัยประหัตประหารทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ หรือการเมือง จึงไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า เมื่อส่งกลับไปดูไบแล้ว นางอัลโบลูคีจะเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายอย่างร้ายแรงจริง
กระทรวงกิจการภายในของมาซิโดเนียระบุด้วยว่า อนุญาตให้นางอับโบลูคีเดินทางออกจากประเทศตนด้วยความสมัครใจภายใน 15 วัน ขณะที่เธอจะหาทางลี้ภัยที่อื่นแต่คงยากเนื่องจากยังถูกกักขังอยู่