บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ โผล่ร่วมงาน-นั่งใกล้ “คิม จองอึน” สยบลือถูกยิงเป้าปมดีลล่ม

บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ – วันที่ 3 มิ.ย. รอยเตอร์ รายงานว่า สำนักข่าว เคซีเอ็นเอ เผยแพร่ภาพบรรยากาศงานศิลปะการแสดงที่กรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมี นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของประเทศ พร้อมด้วย นางรี โซลจู ภริยา และเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงนายคิม ฮย็อกชอล ผู้แทนเจรจาพิเศษกับสหรัฐอเมริกา

ภายหลังมีข่าวว่าถูกประหารชีวิตไปแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค. เนื่องจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จองอึน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่ประเทศเวียดนามเมื่อเดือนก.พ. ล้มเหลวไม่เป็นท่า

บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ

김정은 국무위원장이 군부대 군인 가족 예술소조 공연을 2일 관람했다. /m.jajusibo/

รายงานระบุว่าในงานแสดงโดยบรรดาภรรยาของทหารประจำกองทัพเกาหลีเหนือ มีการประกาศรายชื่อคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนายคิม จองอึน ซึ่งนายคิม ฮย็อกชอล ถูกประกาศเป็นชื่อที่ 10 จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 12 คน และยังปรากฏในรูปถ่ายนั่งชมการแสดงแถวเดียวกับนายคิม โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง 4 คนนั่งขั้นกลาง

บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ

김정은 국무위원장이 군부대 군인 가족 예술소조 공연을 2일 관람했다. /m.jajusibo/

ขณะเดียวกันเคซีเอ็นเอยังระบุว่า นายคิม ฮย็อกชอล ถูกตำหนิอย่างหนักจากความผิดพลาดในภารกิจหารือกับสหรัฐ และเป็นเหตุให้โดนปลดจากตำแหน่งสำคัญในพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ

บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ

North Korea’s leader Kim Jong-un, North Korean Foreign Minister Ri Yong Ho and Kim Yong-chol during talks with the US in Hanoi. Photo: Reuters

นอกจากนี้ยังมีรูปของนายคิม ฮย็อกชอล ยืนอยู่ด้านหลังนายคิม จองอึน ในการประชุมสภานิติบัญญัติเมื่อเดือนเม.ย. แต่ไม่ได้ร่วมคณะเดินทางไปรัสเซียกับนายคิม จองอึน เมื่อเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ โชซอนอิลโบของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า นายคิม ฮย็อกชอล และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ 4 คน ถูกยิงเป้าประหารชีวิตที่สนามบินมีริมในกรุงเปียงยาง เมื่อเดือนมี.ค. ตามข้อกล่าวหาว่าทรยศผู้นำสูงสุดด้วยการจารกรรมข้อมูลให้สหรัฐก่อนการประชุมสุดยอดที่กรุงฮานอย

บิ๊กโสมเหนือหัวหอกหารือสหรัฐ

Kim Yong-chol, left, the former North Korean intelligence chief and senior nuclear arms negotiator, with President Trump at the White House last year.CreditCreditTom Brenner/The New York Times

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน