วันที่ 21 มี.ค. เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า นักโบราณคดีค้นพบน้ำยาอัจฉริยะหรือสมาร์ตวอเตอร์ ใช้ทาวัตถุโบราณในประเทศซีเรีย เพื่อตามรอยและป้องกันกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส ปล้นชิงไปขาย
ศิลปวัตถุล้ำค่าและบางชิ้นประเมินค่ามิได้ของซีเรียและอิรักถูกลักลอบโดยกลุ่มก่อการร้าย แก๊งอาชญากรรม ออกมาขายกันเอิกเกริกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลายชิ้นไปโผล่ในทวีปยุโรปและในสหรัฐอเมริกา เมื่อพ่อค้าคนกลางเสนอขายให้บรรดานักสะสมของเก่า
องค์การยูเนสโกของสหประชาชาติเผยว่า การค้าวัตถุที่ผิดกฎหมายดังกล่าวมีมูลค้าหลายล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันด้วยน้ำยาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสารละลายเชิงนวัตกรรมช่วยให้นักโบราณคดีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ อย่างน้อยก็ตามรอยศิลปวัตถุที่ถูกฉกไปกลับคืนมาได้
กลุ่มนักโบราณคดีชาวซีเรียทำงานกันอย่างลับๆ บริเวณพื้นที่ด้านนอกที่รัฐบาลยึดครองอยู่ ขณะนี้เริ่มทาศิลปวัตถุด้วยน้ำยาอัจฉริยะลักษณะเป็นของเหลวใสที่มีคุณสมบัติตามรอยจนเจอได้
สารนี้ไม่สามารถมองเห็นสารละลายได้ด้วยตาเปล่า แต่ต้องใช้แสงอัลตราไวโอเล็ตจึงจะตรวจพบสารดังกล่าวได้ เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยคณะนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยรีดดิงในอังกฤษ และมหาวิทยาลัยชอว์นี สเตตในอเมริกา ผลิตโดยบริษัทสมาร์ตวอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ป้องกันอาชญากรรมของอังกฤษ
นักโบราณคดีนำของเหลวมาทางานโมเสกสมัยโรมัน เครื่องปั้นดินเผาของอาณาจักรไบแซนไทน์ รวมถึงประติมากรรมโบราณอื่นๆเพื่อไม่ให้มรดกของซีเรียดังกล่าวถูกขโมย หวังจะขัดขวางทั้งนักสะสมและผู้ลักลอบขโมยด้วยการขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา เพราะวัตถุโบราณแต่ละชิ้นมีรหัสเฉพาะกำกับอยู่
โครงการนี้อยู่ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์อัมร์ อัล-อัสซัม นักโบราณคดี ได้กล่าวว่า น้ำยาอัจฉริยะถูกออกแบบมาไม่ให้เป็นอันตรายต่อผิวเซรามิกส์และวัตถุโบราณอื่นๆ ได้ส่งน้ำยาไปทางประเทศตุรกีเมื่อเดือนม.ค.ปีนี้ จากนั้นหนึ่งเดือนต่อมาก็ขนส่งข้ามไปยังประเทศซีเรีย
“มรดกทางวัฒนธรรมของซีเรียไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหนตกอยู่ในภาวะถูกคุกคาม ทำให้พวกเราต้องรวมตัวกันเพื่อป้องกันภัย”ศาสตราจารย์อัล-อัสซัมกล่าว และกล่าวว่า หวังให้ข่าวการใช้น้ำยาอัจฉริยะนี้แพร่กระจายได้ยินไปถึงหูของผู้ลักลอบขนของเถื่อนและนักสะสมของเก่า ให้รู้จักเกรงกลัวว่าจะถูกจับมาดำเนินคดี
แต่เกิดคำถามว่าน้ำยาอัจฉริยะมาสายไปสักเล็กน้อยหรือไม่ เพราะหลังความขัดแย้งในสมรภูมิกลางเมืองซีเรียที่ดำเนินมาแล้วถึง 6 ปี ทรัพย์สมบัติล้ำค่าของซีเรียจำนวนมากถูกไอเอสปล้นไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสมคบทำงานกันเป็นทีมกับผู้ลักลอบขนของเถื่อนรวมถึงแก๊งอาชญากรรม