เมื่อวันที่ 24 บีบีซีรายงานว่า ดร.เอียน กริฟฟิน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์โอตาโก ด้านธรรมชาติ วิทยาศาสตร์และการค้นพบในโลก จัดทริปนำคณะผู้สนใจ “แสงใต้” จำนวน 134 ชีวิต ไปดูแสงออโรร่าที่ปรากฎให้เห็นอยู่เบื้องหน้าอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
“เที่ยวบินดังกล่าวเป็นเที่ยวบินที่สุดยอดและเปิดภาพที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ร่วมคณะ” ด็อกเตอร์กริฟฟิากล่าว
เที่ยวบินเช่าเหมาลำดังกล่าวบินออกจากเมืองดันดิน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาและบินกลับมายังสนามบินเดียวกันในวันศุกร์
Image copyright @IANGRIFFIN
“ไม่มีใครเคยทำแบบนี้มาก่อนและถือว่าเป็นครั้งแรกในโลก ปกติแล้วผู้คนมักจะไปซีกโลกเหนือเพื่อดูแสง เหนือ แต่แสงออโรร่าไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในจุดๆ เดียวเท่านั้น มันเคลื่อนที่ไปนิดหน่อย และเรายังเคยพยายามที่จะตามหาแสงนี้ข้ามมหาสมุทรฝั่งใต้ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สนุกมาก” ดร.เอียนเล่าความประทับใจ
นอกจากนี้ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ยังโพสต์ข้อความลงทวีตเตอร์พร้อมรูปอีกว่า “ฮ่า ฮ่า มีเครื่องบินไม่กี่ลำที่บินตามเส้นทางแบบนี้ #ดันดินเยียมที่สุด (dunedinisgreat) แต่ #บินไปหาแสง (flighttothelights) กำลังมุ่งไปทางใต้”
เที่ยวบินของสายการบินแอร์นิวซีแลนด์เที่ยวเช่าเหมาลำนี้ไม่ได้จองจนเต็ม ทำให้ผู้โดยสารชมแสงใต้ได้อย่างเต็มที่จากหน้าต่างเครื่องบิน ที่ปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งเที่ยวบินดังกล่าวนี้ได้บินไปเกือบ 2 ใน 3 เส้นทางทั้งหมดที่มุ่งสู่ขั้วโลกใต้อีกด้วย
“ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ชื่นชอบมากอีกครั้งหนึ่งในชีวิต พร้อมกับจิบแชมเปญ กินออโรร่าคัพเค้กแบบพิเศษในเวลา เที่ยงคืน หนึ่งนาที บนองศาที่ 66 และเหมือนกับการตอนรับรุ่งอรุณแห่งชีวิตผม ผมอยากจะขึ้นมาอยู่บนนี้ทุกๆ ช่วงนาทีที่ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดจะเสนอให้ผมให้” นายฟริธ วอล์เกอร์ผู้ร่วมเดินทางกล่าวบนเฟซบุ๊ก
ขณะที่ผู้โดยสารอีกคนนามว่าไทอิชิ นากามูระได้เผยความประทับใจเช่นเดียวกันว่า มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมากที่ได้สวมกอดแสงออโรร่าได้ใกล้ขนาดนี้ระหว่างที่ภาระกิจใกล้จะประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการเดินทางนี้ค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 4,000ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราวๆ 97,242 บาทสำหรับชั้นประหยัด และชั้นบิสซิเนสอยู่ที่ 8,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณกว่า 194,484 บาท
การเกิดขึ้นของแสงออโรร่าที่ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์และออสเตรเลียเปิดผลจากปฏิกิริยาของลมสุริยะกับสนามแม่เหล็กและชั้นบรรยากาศของโลก
