ส่งสัญญาณเซ็งทรัมป์ อังกฤษ-ฝรั่งเศส เพื่อนรักขอหักเหลี่ยม

ส่งสัญญาณเซ็งทรัมป์เอเอฟพี รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ตรงกับวันชาติฝรั่งเศส หรือ บาสตีย์ เดย์ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เป็นประธานจัดงานฉลองวันชาติอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงปารีส เพื่อแสดงถึงความร่วมมือทางทหารของยุโรป เป็นหัวใจสำคัญ ขณะความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐ ตึงเครียดขึ้น

งานครั้งนี้มีผู้นำชาติยุโรปคนสำคัญเข้าร่วม ไม่ว่า นางแองเกลา แมร์เคิล นายกเยอรมนี นายมาร์ก รีตเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ นายเดวิด ลีดิงตัน รัฐมนตรีอาวุโสสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี

เหล่าผู้นำชมพาเหรด ทหารติดอาวุธกว่า 4,300 นาย เดินตามแนวถนนฌองเซลิเซส์ ประกอบด้วยอาวุธยุโธปกรณ์ที่ทันสมัย รถถัง หน่วยสุนัขทหาร และขบวนรถที่มีนายมาครง และนายพลฟรองซัวร์ เลอคัวเทรอ เสนาธิการทหารฝรั่งเศส นั่งร่วมอยู่ด้วย

ส่งสัญญาณเซ็งทรัมป์

นายกฯ แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ประธานาธิบดีมาร์เซโล เรเบโล เดอ ซอซา แห่งโปรตุเกส และนายมาครง เจ้าบ้านฝรั่งเศส (Photo by Alain JOCARD / AFP)

ส่วนบนฟ้า นอกจากแสดงเครื่องบินของกองทัพอากาศฝรั่งเศส ยังมีเครื่องบินขนส่ง A400M ของเยอรมัน ซี 130 ของสเปน เฮลิคอปเตอร์ชินุก 2 ลำของอังกฤษเข้าร่วม แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของยุโรป

หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างนายทรัมป์กับนายมาครงไม่ลงรอยกันหลายเรื่อง ทั้งกรณีที่สหรัฐถอนตัวจากสนธิสัญญาลดโลกร้อน ถอนตัวจากข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์อิหร่าน ไปจนถึงการตรากฎหมายขึ้นภาษีบริษัทดิจิตอลยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส

ส่งสัญญาณเซ็งทรัมป์

French gunners sit in a Caracal helicopter flying over Paris on July 14, 2019, as part of the supervision of the Bastille Day military parade. (Photo by Kenzo TRIBOUILLARD / AFP)

“ไม่เคยมีทั้งใด หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองที่ยุโรปมีความสำคัญเท่านี้” นายมาครง ระบุในแถลงการณ์เนื่องในวันชาติ ส่วนนางแมร์เคิล กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขบวนพาเหรดครั้งนี้ เป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ถึงนโยบายป้องกันตนเองของยุโรป และเยอรมนีเป็นเกียรติที่มีส่วนร่วม

วันเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับสหรัฐ ถูกเขย่าแรงอีกครั้ง เมื่อ สื่อมวลชนอังกฤษเผยแพร่บันทึกทางการทูตระลอกที่สองของเซอร์คิม ดาร์ร็อก อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหรัฐที่เพิ่งลาออกหลังมีบันทึกฉบับแรกรั่วไหลสัปดาห์ก่อน จนกระเทือนความสัมพันธ์สองประเทศ

FILE – ไฟล์ภาพ เซอร์คิม ดาร์ร็อก (AP Photo/Sait Serkan Gurbuz, File)

เนื้อหาบันทึกระลอกที่สองนี้ เซอร์คิมตำหนินายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กรณีนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ว่าเป็นการอาละวาดทางการทูตโดยไร้เหตุผล เพียงเพราะต้องการกลั่นแกล้งนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อนหน้า ผู้ผลักดันให้เกิดข้อตกลงสันติภาพนี้ขึ้น

U.S. President Donald Trump and first lady Melania Trump meet Britain’s Prime Minister Theresa May and her husband Philip at Downing Street, as part of his state visit in London, Britain, June 4, 2019. REUTERS/Hannah Mckay

แม้นายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศอังกฤษในขณะนั้นพยายามขอร้องรัฐบาลสหรัฐอย่าได้ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แต่นายทรัมป์ไม่ฟังและไม่สนใจผลกระทบทางการทูต ดึงดันด้วยเหตุผลส่วนตัว ส่วนบรรดาที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐก็แตกแยกกันเอง และไม่มียุทธศาสตร์ว่าจะทำอย่างไรหลังถอนตัวจากข้อตกลง

US President Donald Trump speaks to former President Barack Obama as First Lady Melania Trump looks on after inauguration ceremonies at the US Capitol on January 20, 2017 in Washington, DC. / AFP PHOTO / Robyn BECK

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษสอบสวนหาจุดรั่วไหลของเอกสารราชการทางอีเมล์ พร้อมเตือนสื่อมวลชนว่าการนำเนื้อหามาเปิดเผย ว่าอาจเข้าข่ายละเมิดบทบัญญัติเป็นคดีอาญา หลังจากสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนเพิ่งเผยแพร่บันทึกแรกของเซอร์คิมตำหนิรัฐบาลทรัมป์ไร้ความสามารถและไม่มีคุณสมบัติ จนทำให้นายทรัมป์โกรธเกรี้ยว และเกิดศึกปะทะวาจาระหว่างบุคคลสำคัญของสองประเทศขึ้น

++++

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทูตอังกฤษประจำสหรัฐลาออกแล้ว เซ่นวิจารณ์ลับหลังทรัมป์ “ไร้ความสามารถ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน