หุ้นพุ่ง ขานรับข่าวผู้นำฮ่องกงถอย ถอนร่างกฎหมายปลุกคนรุ่นใหม่ต้านอิทธิพลจีน

ผู้นำฮ่องกงถอยแล้ว ถอนร่างกฎหมายปลุกการประท้วง ต้านอิทธิพลจีน

ผู้นำฮ่องกงถอยแล้ว – เมื่อวันที่ 4 ก.ย. เอเอฟพีรายงานว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง “ฮั่งเส็ง” ปรับตัวขึ้นทันที ร้อยละ 3 เมื่อสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาล ว่า นางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะบริหารฮ่องกง ยอมถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการจีน อย่างเป็นทางการ ตามข้อเรียกร้องอันดับ 1 ของผู้ประท้วงชาวฮ่องกง ซึ่งชุมนุมต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน และเข้าใกล้วันชาติจีน วันที่ 1 ต.ค. มากขึ้นทุกขณะ

Hong Kong Chief Executive Carrie Lam (R) speaks to the media during her weekly press conference in Hong Kong on September 3, 2019. (Photo by ANTHONY WALLACE / AFP)

ก่อนหน้านี้ นางหล่ำ เคยประกาศระงับการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้เป็นวาระในสภาฮ่องกงแล้วครั้งหนึ่งแต่ผู้ชุมนุมไม่พอใจ เพราะเกรงว่ารัฐบาลอาจริเริ่มผลักดันวาระดังกล่าวต่อเมื่อใดก็ได้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายออกจากวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ ขณะที่การชุมนุมนั้นขยายวงกว้างกลายเป็นการต่อต้านอิทธิพลของทางการจีนไปแล้ว

ดัชนีฮั่งเส็งปรับตัวขึ้นเกิดขึ้นหลังเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ และเอชเค01 รายงานว่า นางหล่ำเตรียมถอนร่างกฎหมายข้างต้นออกจากสภาฮ่องกง แม้ก่อนหน้านี้ นางหล่ำและทางการจีนจะมีท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องใดๆ ของผู้ประท้วง ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวล่าสุด เป็นสัญญาณในทางบวกที่นักวิเคราะห์มองว่า จะช่วยผ่อนคลายความดุเดือดของสถานการณ์ลงได้

Students attend a school boycott rally at the Chinese University of Hong Kong on September 2, 2019. (Photo by Philip FONG / AFP)

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน นางหล่ำเพิ่งแถลงข่าวยืนยันว่า จะไม่ลาออก แม้มีคลิปเสียงตนเองที่สำนักข่าวรอยเตอร์นำมาเผยแพร่ เป็นช่วงที่นางหล่ำที่กล่าวกับบรรดานักธุรกิจชั้นนำเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า ในฐานะผู้นำสูงสุดที่เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ฮ่องกงนั้นไม่สามารถให้อภัยได้ หากฉันมีทางเลือก สิ่งแรกที่จะทำคือลาออก และกล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้ง

นายจัสติน ถัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเอเชีย ยูไนเต็ด เฟิสต์ พาร์ตเนอร์ กล่าวว่า การถอนร่างกฎหมายข้างต้นถือเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 13 สัปดาห์แล้ว ส่งผลให้บรรดานักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นและเริ่มมีกำลังซื้อเข้ามาในตลาดหุ้น