เมื่อ 7 เม.. ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐอเมริการายงานผลการยิงขีปนาวุธ 59 ลูกของกองทัพสหรัฐถล่มฐานทัพซีเรีย ว่าภาพถ่ายทางดาวเทียมเผยให้เห็นความเสียหายของฐานทัพเชย์รัต ในเมืองฮอมส์ ในสภาพพังย่อยยับ

ภาพดังกล่าวตรงกับภาพที่สื่อรัสเซียเผยความเสียหายของฐานทัพในระยะใกล้ ซึ่งผลการโจมตีดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6-9 ราย ข้อมูลจากทางการซีเรียระบุว่า เป็นเด็กด้วย 4 ราย

ภาพจากทีวีของรัฐบาลซีเรียเผยให้เห็นลูกไฟที่โจมตีด้วยโทมาฮอว์ก (Ikhbaria TV, via AP)

ขณะที่บีบีซีรายงานว่า น.ส.นิกกี ฮาลีย์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวอย่างแข็งกร้าวว่า อเมริกาจะจัดการเพิ่มเติมกับซีเรียอีก หลังจากที่เพิ่งถล่มสั่งสอนไปว่า จะใช้อาวุธเคมีสังหารผู้คนไม่ได้

ฐานทัพซีเรียถูกถล่มไหม้เกรียม (Syrian government TV, via AP)

เราเตรียมกรจะลงมืออีก แต่เราหวังว่าจะทำเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เป็นการรักษาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อป้องกันการแพร่และใช้อาวุธเคมี” ทูตหญิงสหรัฐกล่าว

Battle damage assessment image of Shayrat Airfield, Syria, / REUTERS

ท่าทีของทูตสหรัฐมีขณะที่รัฐบาลรัสเซียนำเรื่องร้องเรียนให้เปิดการประชุมฉุกเฉินในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังระบุว่าการโจมตีซีเรียของสหรัฐ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน เพียงใช้ข้ออ้างที่ประดิษฐ์ขึ้น

ทูตนิกกี ของสหรัฐ / AFP

รัสเซียยังปิดสายฮอตไลน์สำหรับการแจ้งเตือนสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันบนน่านฟ้าซีเรียด้วย

สำหรับซีเรียเคยมีระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วยระบบตรวจจับเรดาร์ที่ทรงประสิทธิภาพสูงมาก่อน แต่ค่อยๆ เสื่อมศักยภาพลงหลังเกิดสงครามกลางเมือง ในขณะที่รัสเซียมีระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นดินสู่อากาศทันสมัยมากที่ฐานทัพในซีเรีย แต่ยังไม่สูงพอหากต้องรับมือกับอิสราเอล

ทูตรัสเซียประจำยูเอ็น วลาดิเมียร์ ซาฟรันคอฟ / AFP

การที่รัสเซียมีทหารอยู่ในฐานทัพของซีเรีย ทำให้มีแนวโน้มว่าสหรัฐจะไม่ใช้เครื่องบินคนขับเข้าไปโจมตี และขณะนี้ทางเลือกจะอยู่ที่เพียงการยิงด้วยขีปนาวุธโทมาฮอว์ก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน