ทรัมป์เมินWHOเตือน – เมื่อ 25 มี.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่สหรัฐอเมริกาว่า แนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดอันดับ 3 ของโลก รองจากอิตาลี ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อแล้ว 55,222 คน เสียชีวิตแล้วเกิน 700 ราย

แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กลับจะให้ปลดล็อกวันที่ 12 เม.ย. ตรงกับวันอีสเตอร์ เพื่อให้ธุรกิจหวนกลับมาเปิดตามปกติ

“หลายคนเห็นด้วยกับผม ว่าประเทศเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้ชัตดาวน์” และว่า “ถ้าชัตดาวน์ประเทศก็สามารถทำลายประเทศให้พังได้” ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลกเตือนว่า สหรัฐอาจเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ โดยที่ระยะ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาร้อยละ 85 ของผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่มาจากยุโรปและสหรัฐ ในจำนวนนี้ร้อยละ 40 มาจากสหรัฐ

ขณะที่สหรัฐเองมีผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. แล้วอย่างน้อย 163 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทะลุ 700 ราย

ปัจจุบันมีชาวอเมริกันกว่า 130 ล้านคน หรือราวร้อยละ 40 ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน ในจำนวนนี้ รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐด้วย หลังผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า หนทางที่จะหยุดยั้งการระบาดได้ คือต้องใช้มาตรการยุติการปฏิสัมพันธ์กันในสังคม

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐทะยานบวก เป็นผลมาจากที่สภาคองเกรสตกลงจะทุ่มเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 60 ล้านล้านบาทเพื่อกู้ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ผลจากดัชนีดาวโจนส์บวกวันที่ 24 มี.ค. ร้อยละ 1.1 ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียกระเตื้องขึ้นตามไปด้วยวันที่ 25 มี.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน