โควิด: ทรัมป์โวผ่านช่วงพีค จ่อเปิดเมือง-ย้ำสหรัฐจะกลับมาผงาดอีกครั้ง
โควิด: ทรัมป์โวผ่านช่วงพีค – วันที่ 16 เม.ย. บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวระหว่างแถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ประจำวัน ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า
สหรัฐผ่านช่วงพีคที่สุดไปแล้ว และคาดว่าบางรัฐจะสามารถผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ได้ภายในเดือนนี้ แม้สหรัฐจะรั้งอันดับ 1 ประเทศที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุดในโลกกว่า 638,111 คน และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30,844 คน
“เราจะกลับมาผงาด เราทุกคน เราอยากให้ประเทศของเรากลับมา” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว และว่าข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วประเทศแสดงให้เห็นแล้วว่าสหรัฐผ่านช่วงพีคของการพบผู้ป่วยใหม่รายวันไปแล้ว และตนหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อผู้เสื่อข่าวถามถึงยอดผู้เสียชีวิตในประเทศซึ่งคิดเป็นร้อยละ 22 ของยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกที่ 136,908 คน นายทรัมป์กล่าวว่าที่สหรัฐมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สุงที่สุดเพราะสหรัฐไม่ได้ปกปิดข้อเท็จจริง ต่างจากหลายๆ ประเทศที่โกหกจำนวนผู้เสียชีวิต และย้อนถามว่ามีใครเชื่อจริงๆ หรือไม่ว่ายอดผู้เสียชีวิตของบางประเทศจะหยุดอยู่แค่นั้น พร้อมยกตัวอย่างยอดผู้เสียชีวิตในประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแรกของโลก
ถือเป็นการโจมตีจีนอย่างซึ่งๆ หน้าอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้นายทรัมป์เรียกไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าไวรัสจีน เมื่อกลางเดือนมี.ค. จนเป็นเหตุให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ไม่พอใจและแถลงตอบโต้อย่างเดือดดาล
กระทั่งบานปลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างนายทรัมป์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งผู้นำคนดังตำหนิว่าองค์การอนามัยโลกเข้าข้างจีน ซ้ำร้ายยังให้คำแนะนำผิดๆ เกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนเดือดร้อนไปทั้งโลก และเพิ่งมีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลระงับเงินสนับสนุนกว่า 16,000 ล้านบาทแก่องค์การอนามัยโลกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังแถลงอีกว่าได้หารือกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ เพื่อพิจารณามาตรการรับมือขั้นต่อไป ซึ่งบางรัฐอาจยุติล็อกดาวน์ หรือผ่อนมาตรการล็อกดาวน์เร็วที่สุดภายในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามถึงภัยคุกคามที่ออาจตามมาจากการเปิดประเทศเร็วเกินไป
นายทรัมป์ชี้แจงว่าในช่วงล็อกดาวน์มีการเสียชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากโรคโควิด-19 แต่เป็นปัญหาทางสภาพจิต และว่ามีการใช้บริการสายด่วนปรึกษาผู้มีความคิดอยากฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำเพราะโควิด-19 ยังไม่รวมถึงอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 18 ล้านคนในช่วง 3 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการรัฐคอนเนกติกัต แมรีแลนด์ นิวยอรืก และเพนซิลเวเนีย ประกาศคำสั่งและแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยย้ำว่าประชาชนจำเป็นต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะต่อเนื่องอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ส่วน นายอีริก การ์เซตติ นายกเทศมนตรีนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มากจะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดขึ้นจนกว่าจะเข้าสู่ปี 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: