นักวิทย์อู่ฮั่นสาบาน “โควิด” ไม่โยงแล็บฯ ระส่ำเอกสารลับข่าวกรอง 5 ชาติบิ๊ก-จวกยับจีน

นักวิทย์อู่ฮั่นสาบานเดลีเมล์ รายงานวันที่ 3 พ.ค. ว่า ศาสตาจารย์ฉือ เจิ้งลี่ หัวหน้าโครงการศึกษาการติดเชื้อและภูมิคุ้มกันไวรัสในค้างคาว สถาบันวิจัยไวรัสวิทยาแห่งอู่ฮั่น ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ศูนย์กลางการแพร่ระบาด ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อให้เกิด โรคโควิด-19 แห่งแรกของโลก

กล่าวปฏิเสธว่าพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ภายหลังมีกระแสข่าวลือบนโลกออนไลน์ว่า ศ.ฉือนำเอกสารลับหลายร้อยฉบับที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ติดตัวออกนอกประเทศไปด้วย และนำไปให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

โดยเกิดขึ้นหลังจากสื่อเปิดเผยเอกสารลับของกลุ่มพันธมิตรหน่วยข่าวกรอง 5 ชาติตะวันตก (FVEY) ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา กับสาระสำคัญว่าทางการจีนปกปิดข้อมูลโควิด-19 ทำลายเอกสารจากห้องปฏิบัติการ และปฏิเสธที่จะช่วยนานาชาติพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19

นักวิทย์อู่ฮั่นสาบาน

Chinese researcher Shi Zhengli from WIV, CAS, had isolated a SARS-like coronavirus from the Chinese horseshoe bat, a species widespread in China and southeast Asia. DailyMail/WeChat/

ศ.ฉือซึ่งมีฉายาว่า “แบตวูแมน” เนื่องจากศึกษาเรื่องราวของไวรัสในค้างคาวตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคซาร์ส รวมถึงเผยแพร่งานวิจัยก่อนหน้านี้ที่มีเนื้อหาระบุว่าค้างคาวเป็นแหล่งพำนักโดยธรรมชาติของไวรัสโคโรนาหลายชนิด พิมพ์ข้อความบนโปรแกรมวีแชทว่า ตนและครอบครัวไม่เคยหนีออกนอกประเทศ และไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้น

“ทุกอย่างยังดีสำหรับฉันและครอบครัว ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะยากลำบากแค่ไหน การแปรพักตร์ไม่มีทางเกิดขึ้น เราไม่ได้ทำอะไรผิด และด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในวิทยาศาสตร์ เราจะได้เห็นวันที่เมฆหมอกจางหายและมีแสงแดดสาดส่องอีกครั้ง” ศ.ฉือระบุ และว่าขอสาบานด้วยชีวิตของตนว่าไวรัสโคโรนาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการที่สถาบันวิจัยไวรัสแห่งอู่ฮั่น

นักวิทย์อู่ฮั่นสาบาน

Shi Zhengli, director of the Centre for Emerging Infectious Diseases at the Chinese Academy of Sciences’ Wuhan Institute of Virology, who working in Australia in 2006. /dailytelegraph/

โควิดไม่โยงแล็บ

Dr. Shi Zhengli pictured in a lab in 2017. Her research into deadly bat-derived coronaviruses was cited a key concern by the intelligence, according to the dossier. EPA

เอกสารลับหน่วยข่าวกรอง 5 ชาติตะวันตก

ขณะที่เอกสารลับของพันธมิตรหน่วยข่าวกรอง 5 ชาติตะวันตก เกี่ยวกับการสืบสวนหาความจริงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ความยาว 15 หน้ากระดาษ ซึ่งถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ข่าวแซเทอร์เดย์เทเลกราฟ ของออสเตรเลีย มีข้อความโจมตีรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ว่าโกหก ปิดบัง และไม่มีความโปร่งใสต่อนานาประเทศ ในประเด็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จีนโกหกว่าการระบาดของโควิด-19 ไม่ติดต่อระหว่างมนุษย์ ทั้งที่พบหลักฐานว่ามีการติดเชื้อจากคนสู่คนตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.2562 แต่ยืนกรานไม่ยอมรับ ก่อนกลับลำเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2563

เอกสารยังชี้ว่าเมื่อไวรัสลามระบาดในระดับโลก ทางการจีนก็ลักลอบทำลายตัวอย่างจากห้องทดลอง โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนมีคำสั่งให้ทำลายตัวอย่างไวรัสและออกประกาศเกี่ยวกับไวรัสที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2563

นอกจากนี้ยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดแผงร้านค้าในตลาดสดเมืองอู่ฮั่นเพื่อกำจัดไวรัส

เริ่มเซ็นเซอร์ข่าวเรื่องไวรัสบนเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิน ลบคำว่าความหลากหลายของเชื้อซาร์ส ตลาดสดอู่ฮั่น และโรคปอดอักเสบอู่ฮั่น เมื่อ 31 ธ.ค.2562

เซ็นเซอร์หลักฐานที่ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อกลุ่มพาหะเงียบเพิ่มขึ้น และปฏิเสธประเทศอื่นๆ ที่ร้องขอนำตัวอย่างเชื้อจากจีนไปตรวจสอบ

โควิดไม่โยงแล็บ

Five Eyes – the pooling of intelligence by the US, UK, Canada, Australia and New Zealand – laid bare its scathing assessment of the Xi Jinping (pictured) administration in a memo. AP

โควิดไม่โยงแล็บ

US President Donald Trump has been urging China to be transparent about how the virus spread. Picture: AFP

โควิดไม่โยงแล็บ

A leaked 15-page dossier from the Five Eyes intelligence alliance claims China’s secrecy over the pandemic is an ‘assault on international transparency’. The files show the nations were probing the possibility the virus was leaked from the Wuhan Institute of Virology (above). AFP

โควิดไม่โยงแล็บ

A Wuhan food market. Australia has maintained the virus most likely came from the Wuhan live animal market and said there was only a 5 percent chance it came from the lab. REX

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน