บิ๊กตร.แอตแลนตา “ลาออก” หลังจนท. ยิงดับชายผิวดำจอดรถหลับขวางร้านฟาสต์ฟู้ด
บิ๊กตร.แอตแลนตา “ลาออก” – วันที่ 14 มิ.ย. บีบีซี และ เดลีเมล์ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกาว่า พล.ต.ท.หญิงเอริกา ชิลด์ส ผู้บัญชาการตำรวจนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ยื่นลาออกจากตำแหน่ง
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจนครแอตแลนตายิง นายเรย์ชาร์ด บรู๊กส์ ชายผิวดำวัย 27 ปีจนเสียชีวิตที่ ร้านเวนดี้ แฟรนไชส์อาหารจานด่วนชื่อดัง เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ก่อให้เกิดการลุกฮือ ประชาชนจำนวนมากรวมตัวเดินขบวน และจุดไฟเผาวอดร้านเวนดี้ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับนายบรู๊กส์ เพราะได้รับแจ้งว่าผู้ตายจอดรถนอนหลับขวางช่องทางจราจรที่ร้านดังกล่าว
กรณีนี้เกิดขึ้นราว 3 สัปดาห์หลังเหตุตำรวจผิวขาวใช้กำลังจับกุม กดเข่าล็อกคอนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปีจนเสียชีวิตที่เมืองมินเนอาโปลิส รัฐมินเนโซตา และกลายเป็นคดีปลุกกระแสเรียกร้องความเท่าเทียมและยุติการเหยียดผิวดำในหลายประเทศทั่วโลก
นางคีชา แลนซ์ บอตทอมส์ นายกเทศมนตรีนครแอตแลนตา แถลงว่าพล.ต.ท.หญิงชิลด์สยื่นลาออกเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มิ.ย. หลังรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครแอตแลนตาตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 โดยจะย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในแผนกอื่นของสำนักงานตำรวจนครแอตแลนตา ซึ่งอดีตผู้บัญชาการหญิงชี้แจงในจดหมายลาออกว่าต้องการเปิดทางให้นายกเทศมนตรีเร่งเดินหน้านโยบายฟื้นฟูความเชื้อมั่นของชุมชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
นางบอตทอมส์ยังกล่าวอีกว่าได้ร้องเรียนให้สำนักงานตำรวจนครแอตแลนตาปลดตำรวจ 2 นายที่เกี่ยวข้องในการจับกุมนายบรู๊กส์ รวมถึงให้จัดคณะกรรมการสอบสวนดำเนินคดีเป็นการด่วน ซึ่งสำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจีย (จีบีไอ) กำลังตรวจสอบหลักฐานและพยานแวดล้อม
โดยคดียิงนายบรู๊กส์ยังเป็นคดียิงที่มีตำรวจเกี่ยวข้องคดีที่ 48 ที่สำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจียเปิดการสอบสวนตั้งแต่ต้นปี 2563 ในจำนวนนี้ 15 คดีเป็นเหตุที่มีผู้เสียชีวิต
สำหรับเหตุการณ์ที่ร้านเวนดี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 23.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย. ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในรถยนต์ซึ่งขวางช่องทางสำหรับลูกค้าไดรฟ์ทรู หรือการขับรถเข้าไปซื้ออาหาร ด้านตำรวจระบุว่าเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ นายบรู๊กส์ขัดขืนการจับกุมหลังวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ผ่าน
ขณะเดียวกันคลิปวิดีโอที่พยานบันทึกไว้ได้เผยให้เห็นว่านายบรู๊กส์แย่งปืนช็อตไฟฟ้าไปจากเจ้าหน้าที่ และวิ่งหนีอยู่ในพื้นที่ลานจอดรถ กระทั่งนายบรู๊กส์หันหลังกลับไปหาเจ้าหน้าที่พร้อมกับยื่นแขนข้างที่ถือปืนช็อตไฟฟ้าซึ่งมีหลอดไฟส่องอยู่ปลายกระบอก เจ้าหน้าที่จึงยิงปืนใส่นายบรู๊กส์จนล้มลง แม้จะเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่นายบรู๊กส์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายคริส สจ๊วต ทนายความของครอบครัวนายบรู๊กส์แถลงว่า ตำรวจไม่มีสิทธิใช้กำลังรุนแรง และว่าปืนช็อตไฟฟ้าที่นายบรู๊กส์แย่งไปไม่ใช่อาวุธสังหาร
“คุณไม่สามารถยิงใครได้หากพวกเขาไม่ได้เล็งปืนมาที่คุณ” นายสจ๊วตกล่าว พร้อมเปิดเผยว่านายบรู๊กส์มีลูกสาววัย 8 ขวบรออยู่ที่บ้าน และทั้งคู่นัดกันไปเล่นสเก็ตในวันเสาร์ที่ 20 มิ.ย. เพื่อฉลองวันเกิดของเด็กหญิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: