สถานการณ์สร้างเศรษฐินี สาวออสซี่วัย32 รวยทะลุ7หมื่นล้าน เบิ้ลช่วงโควิดระบาด

สถานการณ์สร้างเศรษฐินีเดลีเมล์ รายงานเจาะประวัติ สาวชาวออสเตรเลียได้ขึ้นทำเนียบเศรษฐีใหม่ หลังจากกอบโกยรายได้มหาศาลในช่วงเวลาไม่กี่เดือนในช่วงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด ทำให้ทรัพย์สินของหญิงสาวเพิ่มสองเท่า

เมลานี เพอร์กินส์ ชาวเมืองเพิร์ธ ก่อตั้งบริษัท Canva ออกแบบกราฟิกที่นครซิดนีย์ ร่วมกับ คลิฟฟ์ ออบเรชต์ คู่หมั้น เมื่อปี 2557 หลังจากเลิกเรียนในมหาวิทยาลัย หลังจากตั้งบริษัทแห่งแรก ก็ขยายสาขาไปยังกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์และกรุงปักกิ่งของจีน ภายในเวลาเพียง 5 ปี

สถานการณ์สร้างเศรษฐินี

ธุรกิจพุ่งแรงในช่วงที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดทำให้ผู้คนต้องทำงานจากบ้านช่วงล็อกดาวน์และใช้ซอฟต์แวร์บริษัท Canva

ธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มความร่ำรวยของสาววัย 32 ปี ให้พุ่งพรวดเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 77,500 ล้านบาท จาก 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 40,300 ล้านบาทในเดือน ต.ค.2562 และส่งให้เธอก้าวขึ้นเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย

ปัจจุบันบริษัท Canva มีทรัพย์สิน 8,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.7 แสนล้านบาท หลังจากมีผู้ร่วมลงทุนล่าสุด 87 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 2,700 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้น รวมทั้ง บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย Blackbird Ventures และ Sequoia Capital จากจีน

เมลานี รวยเป็นรองเพียง จินา ไรน์ฮาร์ต เจ้าของบริษัท Hancock Prospecting ที่ล่ำซำด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 16,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท และวิกกี้ เตียว ผู้ก่อตั้งบริษัทสื่อสาร TPG Telcom เจ้าของทรัพย์สิน 2,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 80,600 ล้านบาท

เมลานีเคยให้สัมภาษณ์เดลีเมล์ ออสเตรเลีย ว่ามีความฝันเป็นเจ้าของธุรกิจกราฟิกดีไซน์ ขณะกำลังเรียนวิชาสื่อดิจิทัล ตอนเป็นนักศึกษาปี 1 ที่มหาวิทยาลัย ปี 2548 และรู้ตัวว่าตกหลุมรักกราฟิกดีไซน์และพัฒนาทักษะมากกว่าเพื่อนๆ จนได้รับเชิญให้สอนเวิร์กช็อปกราฟิกดีไซน์ให้นักศึกษาคณะอื่นๆ

หญิงสาวรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ติดปัญหาซอฟต์แวร์ทำงานช้า

“ซอฟต์แวร์ที่ใช้มีความซับซ้อนและใช้ยาก ต้องเรียนทั้งเทอมกว่าจะรู้ว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไร” เมลานีย้อนความหลังและกล่าวว่าเวลานั้น เฟซบุ๊กเปิดตัวแล้วและใช้งานง่ายมากๆ จึงหวังว่าในอนาคต คงจะไม่มีซอฟต์แวร์งานออกแบบที่ใช้งานยากและซับซ้อนอีกต่อไป

สถานการณ์สร้างเศรษฐินี

คู่รักหวาน คลิฟฟ์ ออบเรชต์ และ เมลานี เพอร์กินส์

ปี 2550 เมลานี เริ่มทำฝันให้เป็นจริงด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับงานกราฟิกดีไซน์ที่ใช้ง่ายและเปิดให้นักเรียนและโรงเรียนใช้ออกแบบหนังสือรุ่น

แม้ไม่มีพื้นฐานด้านธุรกิจหรือประสบการณ์ด้านการตลาดมาก่อน แต่เมลานีมั่นใจว่าการก่อตั้งบริษัทคงไม่ยากเกินไปนักและได้แฟนหนุ่มมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยสำนักงานแห่งแรกก็คือ ห้องนั่งเล่นของแม่
ส่วนเงินทุนก้อนแรกมาจากการกู้ธนาคาร 5,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 155,000 บาท ซึ่งนำมาใช้โฆษณาออนไลน์และส่งตัวอย่างหนังสือรุ่นให้โรงเรียน

จากนั้น เริ่มเปิดการขายครั้งแรกกับโรงเรียนฝรั่งเศสในซิดนีย์ เมื่อปี 2551

เมลานีกล่าวว่าตอนที่ได้รับเช็ค 100 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,100 บาท รู้สึกตื่นเต้นมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนและดีใจที่มีคนซื้อผลงาน

สถานการณ์สร้างเศรษฐินี
จากนั้น ไม่เคยกู้เงินอีกเลยและเก็บเงินทุกสตางค์เพื่อรวบรวมเป็นกองทุนในการดำเนินธุรกิจ
ปีแรก ขายงานได้ 15 โรงเรียน และปีต่อมา ขายได้ 30 โรงเรียน ต่อจากนั้นอีกปี ขายได้ 80 โรงเรียน

ปี 2553 เมลานีและออบเรชต์ ได้รับรางวัลนักนวัตกรรมแห่งปีในเมืองเพิร์ธจากงานทำหนังสือรุ่นฟิวชัน โมเดล

ในงานนี้เอง เมลานีได้พบกับบิลล์ ไท นักลงทุนจากซานฟรานซิสโกและผู้ก่อตั้ง MaiTai Global ซึ่งเป็นนักลงทุนคนแรกที่คุยด้วยและพบว่าบิลล์คลุกวงในของโลกเทคโนโลยีและการลงทุน ซึ่งบิลล์ยังเชื้อเชิญด้วยว่าหากไปเยือนซานฟรานซิสโก ให้ไปพบเขา

ขณะที่เมนาลีกำลังพัฒนาฟิวชัน โมเดลให้ทำอะไรได้มากกว่าหนังสือรุ่น

Canva

ปีต่อมา เมลานีเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และพบกับ ไท และลาร์ส รัสมุสเซิน ผู้ร่วมก่อตั้ง Google Maps พร้อมทั้งเสนอความคิดการก่อตั้งบริษัท Canva ซึ่งเป็นบริษัทที่ 2 ซึ่งจะให้บริการเครื่องมือออนไลน์ที่ทุกคนออกแบบกราฟิกหน้าเว็บได้ รวมทั้ง โปสเตอร์ นามบัตรและบัตรเชิญได้

จากเดิมที่คิดว่าจะอยู่ในสหรัฐ เพียง 2 สัปดาห์ กลับขยายเวลาเป็น 3 เดือน และได้พบกับนักลงทุนและวิศวกรออฟแบบซอฟต์แวร์มากมายหลายคน

Canva

ไทเป็นคณะผู้บริหารในฐานะนักลงทุน เชิญเมลานีร่วมประชุม MaiTai ที่ฮาวาย ปี 2555 ซึ่งได้พบกับนักลงทุนมากมายที่ตกลงร่วมลงทุนกับ Canva โดยรวบรวมยอดเงินลงทุนครั้งแรก ได้เงิน 3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 93 ล้านบาท ในปี 2556 หลังจากพัฒนาธุรกิจในเดือน ส.ค. ปีเดียวกัน

เมื่อถึงสิ้นปี 2557 มีผู้ใช้ซอฟต์แวร์ของ Canva ประมาณ 1 ล้านคน และเมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้ใช้ 4 ล้านคน โดยมีเงินลงทุนกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 370ล้านบาท

ขณะนี้ บริษัทรวมเงินได้กว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,400 ล้านบาทจากนักลงทุนซึ่งได้เงินเพิ่มทุกครั้งจากการลงทุนแต่ละรอบ

+++++

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ไม่สะเทือนโควิด มหาเศรษฐี เจฟฟ์-มาร์ก รวยพุ่ง แรงสวนทางโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน