แฮร์รี-เมแกนลุยต้านเหยียด หยุดเฮตสปีช ฝากคนรุ่นใหม่ งานไดอานา อวอร์ดส์
แฮร์รี-เมแกนลุยต้านเหยียด – เอพี รายงานว่า เมื่อ 2 ก.ค. เจ้าชายแฮร์รีตรัสผ่านทางออนไลน์ถึงงานพิธีมอบรางวัล “ไดอานา อวอร์ดส์” กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จัดโดยองค์กรการกุศลเพื่อคนหนุ่มสาว เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาผู้ล่วงลับของพระองค์
เจ้าชายแฮร์รีขอบใจผู้จัดงานที่นึกถึงเจ้าหญิงไดอานา ก่อนตรัสถึงประเด็นการเหยียดสีผิวเชื้อชาติที่หยั่งรากลึกในสังคมจะต้องไม่มีอีกต่อไป จากวันนี้ที่ยังคงมีอยู่
“ภรรยาผมกล่าวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นก่อนหน้านี้ไม่ได้แก้ไขปัญหานี้ดีพอ ผมเองก็ด้วยเช่นกัน เสียใจมาก เสียใจที่เราไม่ได้ทำให้โลกเป็นสถานที่อย่างที่พวกคุณสมควรได้รับ” เจ้าชายแฮร์รีตรัส
ทั้งนี้ ทรงฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมพิธีดังกล่าวในการต่อสู้เพื่อขจัดการเหยียดเชื้อชาติและความอยุติธรรม
ก่อนหน้านี้ เดลีเมล์ รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ผู้ทรงถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษและย้ายไปประทับที่สหรัฐอเมริกา ยังสนใจที่จะเข้าร่วมการรณรงค์ “Stop hate for profit” หรือ “หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร” เพื่อกดดันโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ไม่ให้เป็นพื้นที่เผยแพร่ความเกลียดชัง
จิม สเตเยอร์ ผู้จัดโครงการรณรงค์แบนการโฆษณาในเฟซบุ๊ก กล่าวว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเส็กซ์ทรงสอบถามว่าแบรนด์ใดที่ทั้ง 2 พระองค์จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทรงทำอะไรต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บอยคอตเฟซบุ๊ก บิ๊กแบรนด์รวมตัวคว่ำบาตร ล้มเหลวหยุดยั้งเกลียดชัง
สเตเยอร์ ประธานบริหารองค์กรการกุศลคอมมอน เซนซ์ มีเดีย และผู้บรรยายว่าด้วยเสรีภาพพลเมืองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาทรงติดต่อผู้จัดโครงการเป็นการส่วนพระองค์และทรงสอบถามว่าจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งทำให้ตนปลื้มปิติอย่างยิ่ง
นอกจากสองพระองค์ทรงเป็นคู่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและทรงมีพระปณิธานที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแล้ว ยังทรงคิดถึงพระโอรสด้วย
ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิพลเมือง รวมทั้ง สมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ “หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร” เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ถอนโฆษณาเดือน ก.ค. บนเว็บไซต์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ซึ่งเป็นบริษัทลูก เพื่อผลักดันให้เฟซบุ๊กหยุดจ่ายค่าโฆษณาในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในเครือเฟซบุ๊ก
การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงทันที 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านบาท หลังจากบริษัทนับ 100 แห่งถอนโฆษณาจากสื่อออนไลน์ของเฟซบุ๊ก รวมทั้ง ยูนิลิเวอร์และโคคา–โคลา ซึ่งผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุด และยังมีอีกหลายบริษัทดังที่ร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้แก่ “โดฟ” “ฮอนดา” และ “เบน แอนด์ เจอร์รี”
ด้านโคคา–โคลา ประกาศระงับการจ่ายค่าโฆษณาทั้งหมดในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลกอย่างน้อย 30 วัน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีพื้นที่ให้ความเกลียดชังเชื้อชาติ รวมทั้ง ไม่มีที่ทางให้แสดงความเกลียดชังเชื้อชาติในสื่อออนไลน์เช่นกัน
อ่านข่าว : โคคา-โคลา หยุดโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย 30 วัน ขีดเส้นล้าง “เฮตสปีช”
ขณะที่ยูนิลิเวอร์ ผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุดในโลกบริษทหนึ่ง กล่าวว่าจะหยุดจ่ายค่าโฆษณาแก่เฟซบุ๊กตลอดปีนี้
ด้านมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการกับถ้อยคำสร้างความเกลียดชังและติดคำเตือนแล้ว รวมทั้ง ประกาศนโยบายด้านเนื้อหาในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มความเข้มงวดกับกฎเกณฑ์การโฆษณาและติดประกาศโพสต์ต่างๆ ที่เป็น “อันตราย” ต่อสาธารณะ
สำหรับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทรงสนับสนุนการรณรงค์ “ชีวิตคนดำก็มีค่า” หรือ Black Lives Matter ทำให้หลายฝ่ายสังเกตว่าอาจเป็นการปูทางสู่เส้นทางการเมืองของดัชเชส
คลิปวิดีโอที่เมแกนพูดถึงการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ยังพูดถึงโรงเรียนมัธยมอิมมาคูเลต ฮาร์ต รวมทั้ง บรีออนนา เทเลอร์ และ ฟิลันโด คาสไทล์ รวมทั้ง ทามิร์ ไรซ์ ทั้งหมดเป็นคนผิวดำที่เสียชีวิตจากความเกลียดชัง ซึ่งเมแกนร่วมเรียกร้องความยุติธรรม และว่าการไม่พูดอะไรเลยเป็นส่งที่ผิด
ส่วน เลดี โคลิน แคมป์เบลล์ ผู้เขียนเกี่ยวกับราชวงศ์ตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของดัชเชสเมแกนในสหรัฐ อาจเป็นแผนการนำไปสู่แวดวงการเมือง หลังจากดัชเชสตั้งใจว่าจะเปิดตัวมูลนิธิ “อาร์ชีเวลล์” องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไรในนครลอสแองเจลิสในฤดูใบไม้ผลิ แต่ต้องเลื่อนแผนออกไปเพราะโควิด-19 และกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวจากความตายของจอร์จ ฟลอยด์
////////