อย่าให้พวกเขาเอาประชาธิปไตยของท่านไป สุนทรพจน์โอบามาเปิดประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต

อย่าให้พวกเขาเอาประชาธิปไตยของท่านไป – วันที่ 20 ส.ค. เอ็นบีซีนิวส์ ถ่ายทอดสุนทรพจน์เปิดการประชุมใหญ่พรรคเดโมเครติก หรือเดโมแครต ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งมีมติเลือกนายโจ ไบเด็น อดีตรองประธานาธิบดีสมัยของโอบามา เป็นผู้แทนลงชิงชัยศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ พร้อมกับนางคามาลา แฮร์ริส เป็นรันนิ่งเมต มีเนื้อหาดังนี้

 

สวัสดีครับทุกท่าน อย่างที่ท่านเห็นนี่ไม่ใช่การประชุมใหญ่ตามปกติ เพราะว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ดังนั้นคืนนี้ผมอยากจะมาสื่อสารให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ถึง “ส่วนได้ส่วนเสีย” ของพวกเราในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะสิ่งที่พวกเรากำลังจะทำต่อไปใน 76 วันข้างหน้า จะได้รับการกล่าวขานต่อไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน

ผมอยู่ที่นครฟิลาเดลเฟียครับ เป็นสถานที่ที่รัฐธรรมนูญของเราถูกร่างขึ้นและลงนาม มันไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์แบบครับ เพราะยังเปิดช่องให้กับการใช้แรงงานทาสอันไร้มนุษยธรรม แล้วก็ล้มเหลวที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของหญิงและชายที่ไม่มีทรัพย์สิน สิทธิในการมีส่วนร่วมต่อกระบวนการทางการเมือง

ทว่า สิ่งที่ฝังรากอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นเหมือนกับดาวเหนือที่ส่องแสงนำทางให้กับลูกหลานของเราในอนาคต ระบอบการปกครองที่มีผู้แทนมาจากราษฎร ก็คือ ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนทางที่เราจะสามารถไปสู่อุดมคติสูงสุดของเราได้

สงครามกลางเมือง และการดิ้นรนอันขมขื่น ทำให้รัฐธรรมนูญของเราได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้รวมเอาเสียงเรียกร้องของผู้ที่เคยถูกทอดทิ้งเข้าไว้ด้วย และทีละเล็กทีละน้อย เราทำให้ประเทศแห่งนี้มีความเที่ยงธรรม เท่าเทียม และมีเสรีภาพมากขึ้น

สถาบันหนึ่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของคนทุกคน คือ ประธานาธิบดี ดังนั้นอย่างน้อยที่สุด พวกเราก็ควรหวังได้ว่า บุคคลที่ดำรงตำแหน่งนี้ จะมีความรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพและความผาสุขของต่อพวกเรา 330 ล้านคน ไม่ว่าพวกเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร นับถือศาสนาอะไร รักใครชอบใคร หรือมีเงินมากน้อยเพียงใด หรือแม้กระทั่งเราเลือกใครมา

แล้วเราก็ควรคาดหวังได้ว่าประธานาธิบดีจะเป็นผู้เก็บรักษาดูแลประชาธิปไตยที่ว่านี้ ไม่ว่าบุคคลนี้จะเป็นคนอย่างไร ทะเยอทะยานแค่ไหน หรือขั้วการเมืองใด ประธานาธิบดีจะต้องเป็นผู้รักษา พิทักษ์ และปกป้องไว้ซึ่งเสรีภาพ และเจตนารมย์ ที่ชาวอเมริกันจำนวนมากเคยออกมาเดินขบวนเรียกร้อง เคยถูกจองจำคุมขัง หรือเคยหลั่งเลือดต่อสู้และสละชีวิต

สมัยที่ผมเป็นประธานาธิบดี ผมเคยนั่งทำงานร่วมกับบุคคลทั้งสองคนที่กำลังลงแข่งขันเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในตอนนี้ ผมไม่เคยคาดหวังว่าคนที่จะมารับงานต่อจากผมต้องเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของผม หรือดำเนินนโยบายเดิมต่อจากผม แต่ก็เคยหวังว่า โดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะแสดงความสนใจที่จะแสดงภาวะผู้นำออกมาบ้างแล้ว ทำงานจริงๆ จังๆ เพื่อประเทศชาติของเรา ได้แดงให้เราเห็นว่าเค้าตระหนักถึงภาระความสำคัญของสถาบันนี้ แล้วได้ค้นพบความน่าเทิดทูนของประชาธิปไตย ที่ถูกนำมามอบให้เค้าไว้ดูแล แต่เค้าก็ไม่เคยเลย

เกือบจะ 4 ปีเต็มแล้ว เค้าไม่เคยแสดงความตั้งใจว่าจะทำงานจริงๆ จังๆ เลย ไม่เคยสนใจจะแสวงหาจุดยืนร่วมกัน ไม่เคยสนใจที่จะใช้อำนาจที่มากล้นของสถาบันนี้เพื่อช่วยเหลือใคร นอกไปเสียจากตัวเค้าเอง แล้วก็เพื่อนฝูง ไม่เคยสนใจที่จะเล็งเห็นความสำคัญของสถาบันนี้นอกไปเสียจากเป็น รายการเรียลิตี้ ที่เป็นช่องทางให้เค้าได้รับความสนใจอย่างที่เค้าต้องการ

โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้พัฒนาตัวเองให้ดีพอต่องานเลย เพราะเค้าทำไม่ได้ครับ และผลลัพธ์ของความล้มเหลวนั้นใหญ่หลวง ชาวอเมริกันสูญเสียชีวิตไปแล้วกว่า 170,000 ราย ตำแหน่งงานเป็นล้านๆ หายหมด ขณะที่คนร่ำรวยก็รวยยิ่งขึ้นกว่ายุคไหนๆ ด้านไม่ดีต่างๆ ของเราถูกปลดปล่อยออกมา ชื่อเสียงอันน่าภาคภูมิใจของเราทั่วโลก เสียหายย่อยยับ ขณะที่สถาบันประชาธิปไตยของเราก็ถูกคุกคามอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน

ผมทราบดีครับว่าในช่วงเวลาที่มีความแตกแยกกันมากขนาดนี้ พวกท่านส่วนใหญ่ตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว แต่บางทีอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครคนใด หรือยังไม่แน่ใจว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม

บางทีท่านอาจจะเบื่อหน่ายแล้วกับทิศทางที่เรากำลังเป็นอยู่แล้วก็ยังคิดหาหนทางที่ดีกว่าไม่ออก หรืออาจจะยังไม่รู้จักผู้สมัครคนที่เค้าเสนอตัวมาเป็นผู้นำของท่าน ดังนั้นขอผมเล่าให้ฟังถึงเพื่อนของผม โจ ไบเด็น

เมื่อ 12 ปีก่อนตอนที่ผมเริ่มหารันนิ่งเมตเพื่อเป็นรองประธานาธิบดีของผม ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าผมจะได้เจอกับคนที่เป็นเสมือนพี่น้องร่วมสายเลือด โจ กับผม มาจากต่างถิ่น ต่างยุค แต่ไม่นานผมก็รู้สึกชื่นชมเค้าครับ ว่าเป็นคนที่เข้มแข็ง มาจากการที่เค้าเคยลำบาก ความเอาใจใส่ต่อผู้อื่นจากการที่เค้าเคยเผชิญกับความทุกข์แสนสาหัส

  • FILE – In this Jan. 12, 2017 file photo, President Barack Obama laughs with Vice President Joe Biden during a ceremony in the State Dining Room of the White House . (AP Photo/Susan Walsh)

โจ เป็นคนที่เคารพนอบน้อม และให้เกียรติต่อผู้อื่น ดำเนินชีวิตตามครรลองคำสั่งสอนของพ่อแม่ ไม่มีใครเยี่ยมกว่านี้แล้วโจ ถึงนายจะไม่ได้เยี่ยมไปกว่าคนอื่นก็ตาม ความเอาใจใส่นี้แหละ คุณธรรมนี้ที่เชื่อว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน นั่นคือโจครับ

ยามที่โจเค้ารับฟังปัญหาคนที่ตกงาน เค้าก็จะนึกถึงวันที่พ่อเค้านั่งลงแล้วบอกกับเค้าว่า พ่อตกงาน ยามที่โจเค้ารับฟังปัญหาจากพ่อแม่ที่กำลังลำบากปากกัดตีนถีบ เค้าก็จะเข้าใจในฐานะพ่อที่ต้องนั่งรถไฟกลับบ้านที่วิลมิงตันให้ทันส่งลูกๆ เข้านอนทุกวัน ยามที่เค้าพบกับครอบครัวของเหล่าทหารหาญที่ต้องสูญเสียวีรบุรุษของพวกเค้าไป โจก็จะเข้าใจประหนึ่งในฐานะญาติของทหารอเมริกันเหล่านั้น ที่ต้องเผชิญต่อการสูญเสียที่ยากลำบากที่สุดของการสูญเสียทั้งปวง

ตลอดที่ผ่านมา 8 ปีของผม โจ เป็นคนสุดท้ายที่นั่งอยู่กับผมเวลาที่ผมต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ เค้าทำให้ผมเป็นประธานาธิบดีที่ดีขึ้น เค้าจึงเป็นคนที่มีทั้งบุคลิกและประสบการณ์ที่จะทำให้ประเทศของเราน่าอยู่ขึ้นได้ ในส่วนของ คามาลา แฮร์ริส รันนิงเมตที่เค้าเลือก ก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะเป็นคนที่ยิ่งกว่าพร้อมที่จะรับงานนี้

เป็นคนที่ตระหนักดีว่าการก้าวข้ามสิ่งกีดขวางเป็นอย่างไร และเป็นคนที่เติบโตมาจากการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือให้ผู้อื่นบรรลุความฝันของชาวอเมริกัน นอกไปจากประสบการณ์ซึ่งมีความจำเป็นในการบรรลุเป้าหมายแล้ว โจและคามาลา มีนโยบายที่จับต้องได้ที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของพวกเค้า ว่าด้วยประเทศที่มีความยุติธรรม และเข้มแข็มมากขึ้น กลายเป็นความจริง

พวกเค้าจะควบคุมสถานการณ์การระบาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ เหมือนตอนที่เค้าช่วยเหลือผมจัดการการระบาดของไวรัสเอช1เอ็น1 แล้วก็สกัดกั้นไม่ให้อีโบล่าระบาดมาถึงสหรัฐ พวกเขาจะขยายขอบเขตการประกันสุขภาพไปยังชาวอเมริกันมากขึ้น เหมือนกับที่ผมและโจเคยทำกันเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะโจเป็นผู้ที่ช่วยให้นโยบายประกันสุขภาพราคาประหยัดเป็นรูปร่างขึ้น และรวบรวมเสียงในสภาได้เพื่อประกาศใช้มันเป็นกฎหมาย พวกเขาจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น เหมือนยุคที่เค้าช่วยผมฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังช่วงเศรษฐกิจโลกย่ำแย่

ผมขอให้เค้าช่วยบริหารจัดการแผนฟื้นฟูซึ่งจุดระเบิดแนวโน้มการเพิ่มตำแหน่งงานที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และโอกาสนี้ ไม่ใช่ว่าเค้าต้องการใช้มันเพื่อกลับมาทำให้เรากลับไปรุ่งเรืองเหมือนตอนนั้น แต่เพื่อจัดการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มันล่าช้าอยู่หลายอย่าง เพื่อให้เศรษฐกิจช่วยให้ชีวิตของเรามันลำบากน้อยลง เพื่อทุกคนครับ

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟหญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว คนทำงานเข้ากะที่ต้องคอยลุ้นไม่รู้จะตกงานวันไหน หรือนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายค่าเทอมรอบหน้า โจและคามาลาจะทำให้นำความภาคภูมิในเวทีนานาชาติของเรากลับมา เพราะจากการระบาดครั้งนี้ เราได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งนี้สำคัญจริง โจ รู้จักโลก และโลกก็รู้จักเค้า

เค้ารู้ดีว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเรา มาจากการประพฤติตัวเป็นตัวอย่างที่โลกต้องการจะเจริญรอยตาม เป็นชาติที่ยืนหยัดอยู่คู่กับประชาธิปไตย ไม่ใช่พวกเผด็จการ เป็นชาติที่สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นผู้นำชาติอื่นในการเอาชนะความท้าทาย ยกตัวอย่างอย่างปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และการก่อการร้าย ความยากจน และโรคร้าย แต่ที่ผมทราบดีที่สุดสำหรับโจ และสิ่งที่ผมทราบเกี่ยวกับคามาลา คือ พวกเขาแคร์จริงๆ ต่อชาวอเมริกันทุกคน และเป็นผู้ที่แคร์อย่างลึกซี้งต่อระบอบประชาธิปไตย

พวกเขาเชื่อว่า ในระบอบประชาธิปไตย การลงคะแนนเสียงนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ และเราควรทำให้การลงคะแนนนั้นง่ายขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น พวกเขาเชื่อว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงประธานาธิบดีด้วย ว่าไม่ควรใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตัวเอง และผู้สนับสนุนพวกเค้าเพียงฝ่ายเดียว

  • In this image from video, former President Barack Obama speaks during the Democratic National Convention on Wednesday, Aug. 19, 2020. (Democratic National Convention via AP)

พวกเค้าเข้าใจว่า คนเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะไม่สั่งให้ทหารทั้งชายหญิงจากกองทัพ ซึ่งพวกเขายินดีจะเสี่ยงทุกสิ่งที่พวกเค้ามีเพื่อปกปักษ์พิทักษ์ชาติของเรา มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ด้วยการนำมาจัดการกับผู้ประท้วงอย่างสันติบนผืนแผ่นดินของเราเอง

พวกเขาเข้าใจว่า ศัตรูทางการเมืองไม่ใช่ข้าศึก เพียงเพราะเขาเห็นไม่ตรงกับท่าน สื่อมวลชนที่ทำงานได้อย่างเสรีก็ไม่ใช่ศัตรู แต่นั่นคือวิธีการที่ใช้ตรวจสอบผู้มีอำนาจ เช่น ความสามารถในการแก้ไขปัญหาการระบาดใหญ่ตอนนี้ ว่าต้องมีควาฒโปร่งใส และมีเหตุมีผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเรื่อย

ทั้งหมดนี้ไม่ควรเลยที่จะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องมาเถียงกัน มันไม่ควรที่จะต้องกลายเป็น อันนี้ของเดโมแครต อันนั้นของรีพับลิกัน มันควรจะเป็นของคนอเมริกันครับ แต่ตอนนี้ ประธานาธิบดีคนนี้แหละครับ แล้วก็บรรดาพวกที่คอยเอาใจเค้าน่ะ ได้แสดงออกแล้วว่า พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ที่ผมได้กล่าวมา

คืนนี้ ผมมาขอให้พวกท่านเชื่อครับ ให้พวกท่านเชื่อในความสามารถของคามาลา และโจ ที่จะนำพาประเทศนี้ออกจากยุคอันมืดมิด แล้วสร้างมันกลับมาให้ดีกว่าที่เคยเป็น แต่ต้องยอมรับครับว่า ไม่มีคนอเมริกันคนไหนที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวคนเดียวแม้แต่ประธานาธิบดีก็ตาม ประชาธิปไตย มันไม่ใช่การซื้อของครับ ผมจ่ายคะแนนเสียงให้ท่าน แล้วท่านทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

ประชาธิปไตยต้องการพลเมืองที่รู้เท่าทันและหมั่นมีส่วนร่วม ผมจึงขอให้พวกท่านเชื่อในความสามารถของพวกท่านด้วย ว่าท่านมีความสามารถเพียงพอต่อความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยคงอยู่ต่อไป เพราะนี่แหละครับ คือ ส่วนได้ส่วนเสีย ที่ผมพูดถึง

ประชาธิปไตยของเรา… (ถอนหายใจ) ผมเข้าใจครับ ว่าทำไมตอนนี้พวกท่านหลายคนจงเกลียดจงชังรัฐบาลนักหนา เพราะกฎระเบียบที่ถูกตั้งขึ้นและเคยถูกนำไปใช้ในทางไม่ดีในสภาคองเกรส ทำให้มันง่ายที่ผลประโยชน์ทับซ้อนมาขัดขวางพัฒนาการมากกว่าการพัฒนา เชื่อผมเถอะ ผมรู้ดี

ผมเข้าใจดีว่าทำไมคนงานผิวขาวในโรงงานที่ได้เพิ่งถูกลดเพดานค่าจ้างขั้นต่ำไป หรือต่างชาติมาแย่งงานทำ คงรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่เพื่อดูแลเค้าอีกต่อไป และเข้าใจว่าทำไมหญิงผิวดำที่เป็นแม่คนถึงรู้สึกว่าไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล ผมเข้าใจครับ ว่าตอนนี้ผู้อพยพลี้ภัยที่เข้ามาอาจจะเริ่มสงสัย ว่าประเทศนี้จะยังมีที่อยู่ที่ยืนให้พวกเขาอยู่บ้างหรือไม่ เข้าใจถึงความคิดของคนรุ่นใหม่ที่มองเข้ามาในการเมืองของเรา เหมือนละครสัตว์ และความโหดเหี้ยมของมัน คำโกหก ทฤษฎีสมคบคิดมากมาย จนทำให้บางคนอาจคิดว่า จะเลือกตั้งไปทำไมกัน

ผมจะบอกให้ว่าทำไม ประธานาธิบดีคนนี้ และผู้ที่มีอำนาจ ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการสกัดกั้นไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เค้าอยากให้พวกท่านคิดแบบนั้นแหละครับ เพราะพวกเขาทราบดีว่าเค้าไม่มีทางใช้นโยบายมากล่อมพวกท่านได้ พวกเข้าจึงต้องการให้การเลือกตั้งเนี่ยมันลำบากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามทำให้ท่านเชื่อว่า เสียงของพวกท่านไม่ช่วยอะไร นั่นแหละครับทางที่พวกเขาจะชนะ นั่นแหละครับทางที่พวกเขาจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตพวกท่าน และชีวิตของคนที่ท่านรัก

  • In this image from video, former President Barack Obama, Aug. 19, 2020. (Democratic National Convention via AP)

นั่นแหละครับทางที่เศรษฐกิจจะได้ช่วยกอบโกย ทำให้กลุ่มคนใกล้ชิดของเค้า และคนรวยรวยยิ่งขึ้น ทางที่จะได้ทำให้มีพลเมืองของเราได้รับการประกันสุขภาพน้อยลง ทางที่จะทำให้ประชาธิปไตยเหี่ยวเฉาลง จนกระทั่งมันกลายเป็นอะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอีกต่อไป พวกเราจะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดครับ

อย่าปล่อยให้พวกเค้าเอาอำนาจของพวกท่านไป อย่าปล่อยให้พวกเค้าเอาประชาธิปไตยของท่านไป วางแผนเลยครับว่าท่านจะมีส่วนร่วมทางการเมืองของเราได้อย่างไร แล้วจะไปลงคะแนนเสียง ทำให้เร็วที่สุด และบอกต่อๆ ไปยังครอบครัว และเพื่อนพ้องของท่าน ว่าพวกเค้าก็ลงคะแนนเสียงได้

จงทำในสิ่งที่ชาวอเมริกันทำมาตลอด 200 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความยากลำบากที่ลำบากยิ่งกว่าตอนนี้ วีรชนเหล่านั้นที่กล้าหาญจะลุกขึ้นเดินขบวน เรียกร้องอย่างตรากตรำ ต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

เมื่อเดือนที่แล้ว เราสูญเสียเสาหลักเสาใหญ่ของประชาธิปไตยไป คือ จอห์น ลูวิส บุคคลที่เคยเหลืออยู่ในฐานะผู้นำการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิพลเมืองคนแรกๆ ของประเทศนี้ หนึ่งในนั้นเคยบอกผมว่า เค้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเหยียบเข้ามาในทำเนียบขาว และพบกับประธานาธิบดีที่หน้าตาเหมือนกันกับหลานของเขาครับ (ผิวดำ)

เค้าเลยไปค้นประวัติผม แล้วพบว่า วันที่ผมเกิด เป็นวันที่เค้าเดินเข้าคุกครับ เพราะเขาลุกขึ้นต่อต้านกฎหมายแบ่งแยกชนชั้นทางใต้ของประเทศเรา ผมถึงบอกว่า สิ่งที่เราทำจะได้รับการกล่าวขานต่อไปชั่วลูกหลาน ไม่ว่าประวัติของเราจะมาจากไหน พวกเราถือเป็นลูกหลานของวีรชนอเมริกันที่ล้วนเคยต่อสู้มา ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่ทวดที่เคยทำงานเป็นทาส หรือถูกใช้แรงงานในโรงงานนรก โดยไม่มีการประกันสิทธิ หรือผู้แทนการเรียกร้อง

ชาวนาที่ฝันสลายเป็นฝุ่นผง ชาวไอริช เอเชีย ละติน ที่ถูกตะโกนใส่ว่าให้กลับไปที่ๆ พวกเค้าจากมา ชาวยิว คริสต์ มุสลิม ซิก ที่ถูกทำให้รู้สึกราวกับเป็นอาชญากรเพียงเพราะศาสนาที่พวกเขาศรัทธา ชาวอเมริกันผิวดำที่ถูกตีตรวน ล่ามโซ่ เฆี่ยนตี แขวนคอ หรือถูกถ่มน้ำลายใส่ เพียงเพราะพวกเขานั่งลงทานข้าวในห้องอาหาร หรือถูกทำร้ายเพียงเพราะไปลงคะแนนเสียง

หากจะมีใครที่คิดว่าประชาธิปไตยแบบอเมริกันมันไม่เวิร์ก และไม่มีทางเวิร์ก น่าจะต้องเป็นคนกลุ่มนั้นแหละครับ บรรพบุรุษของเราเนี่ยแหละครับที่เป็นผู้ถูกกระทำจากประชาธิปไตยที่เลือกปฏิบัติมาตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเค้าทราบซึ้งครับว่าประชาธิปไตยในสหรัฐมันเคยแย่ขนาดไหน

แต่พวกเขาแทนที่จะยอมแพ้ พวกเขารวมพลังกันต่อสู้เรียกร้องครับ ว่ามันต้องมีสักทาง ทางใดทางหนึ่งที่ประชาธิปไตยจะเวิร์ก พวกเราทุกคนจะนำจิตวิญญาณนี้แหละครับที่เป็นรากเหง้าของรัฐธรรมนูญสหรัฐมาทำให้เป็นความจริง

ผมได้เห็นจิตวญญาณที่ว่ากำลังก่อตัวขึ้นในหลายปีมานี้ ผู้คนมากหน้าหลายตาจากทุกวัยที่ชุมนุมกันแน่นเต็มศูนย์ประชุม สนามบิน หรือตามท้องถนน เพราะไม่ต้องการให้ผู้อพยพต้องพัดพรากจากครอบครัว ไม่ต้องการให้มีเหตุกราดยิงในห้องเรียนอีก ไม่ต้องการให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นในโลกที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ชาวอเมริกันจากหลายเชื้อชาติที่มารวมตัวกันเพื่อประกาศว่า ชีวิตคนผิวดำสำคัญ ท่ามกลางความอยุติธรรมและความรุนแรงจากรัฐ เพื่อไม่ให้เด็กคนไหนต้องพบกับการเหยียดหยามเชื้อชาติอีก และผมอยากบอกไปถึงเด็กๆ ที่ออกมาชุมนุม เรียกร้องให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเราต้องปรับปรุงตัวนะครับ

ไม่ว่าจะทางใด พวกหนูทุกคน คือ ความฝันอันสูงสุดของประเทศนี้ คนเจเนอเรชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา กว่าจะยอมรับว่าคนเท่าเทียมกันนะครับ เกลี้ยกล่อมกันเกือบตาย ขณะที่สำหรับพวกหนูๆ มันคือ สิ่งที่เกิดมาคู่กัน เป็นอะไรที่อยู่ในเนื้อในตัว

สิ่งที่ผมอยากให้พวกหนูรู้ คือ ไม่ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจะเละตุ้มเป๊ะขนาดไหน น่าหงุดหงิดเพียงใด ความเชื่อในสิทธิการปกครองตัวเองจะสามารถช่วยให้นำไปสู่แนวคิดความเท่าเทียมกันได้ เพื่อพวกเราทุกคน

ท่านสามารถให้ความหมายใหม่กับประชาธิปไตยได้ ท่านสามารถทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมได้ ท่านคือส่วนผสมที่ขาดหายไป คนที่จะเป็นผู้ชี้ขาดว่า สหรัฐอเมริกา จะเป็นชาติที่ดำรงอยู่ได้โดยบรรลุถึงหลักการพื้นฐานข้างต้นได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่

แม้งานที่ผมว่ามานี้จะมีอยู่ต่อเรื่อยไปอีกนานหลังการเลือกตั้งครั้งนี้จบลง แต่โอกาสที่จะสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการเลือกตั้งเราในครั้งนี้ครับ รัฐบาลชุดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ายินดีจะฉีกประชาธิปไตยของเราทิ้ง หากมันจะทำให้เค้าชนะ ดังนั้นเราต้องอย่านิ่งเฉย ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดในอีก 76 วันที่เหลือนี้ แล้วไปลงคะแนนด้วยความตั้งใจอย่างไม่เคยทำมาก่อน

เพื่อโจและคามาลา และผู้สมัครอื่นๆ ในใบลงคะแนน เพื่อประกาศตัวให้ชัดเจนว่าประเทศนี้จะยืนหยัดเพื่อสิ่งใดในวันนี้และวันข้างหน้า ขอให้ทุกท่านปลอดภัย ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

…………….

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โจ ไบเดน ควง “คู่หู” ส.ว.หญิงผิวดำ ตอกกลับ “ทรัมป์” ดีแต่วีน-ทำงานไม่เป็น

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน