เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า บริษัทซัมซุงยังคงเผชิญสถานการณ์ราคาหุ้นร่วงอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตอวสานกาแล็กซี โน้ต 7 เมื่อเปิดตลาดมาหุ้นดิ่งลงไปอีกร้อยละ 3 ก่อนขยับขึ้นมาติดลบที่ร้อยละ 0.8 ต่อเนื่องจากวันอังคารที่ดิ่งลงไปแล้วร้อยละ 8.0 และวันจันทร์ ติดลบร้อยละ 1.5 นับเป็นการร่วงหนักที่สุดนับจากปี 2551 และทำให้บริษัทเสียมูลค่าตลาดไปแล้ว 17,000-20,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 6-7 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ซัมซุงแจ้งว่า เริ่มจัดส่งแพ็กเกจป้องกันไฟไปยังลูกค้าที่มีโน้ต 7 ในอเมริกาแล้ว เพื่อป้องการระเบิดหรือการลุกไหม้ของเครื่องระหว่างนำส่งคืนร้าน
ด้านบลูมเบิร์กรายงานวันที่ 11 ต.ค. ว่า การปิดฉากของซัมซุง กาแล็กซี โน้ต 7 ที่เกิดปัญหาแบตเตอรีนั้น ส่งผลกระทบต่อสายการผลิตในเวียดนามอย่างหนัก หลังจากเศรษฐกิจของเวียดนามเองก็ได้รับผลกระทบหนักมาจากภัยแล้งและราคาน้ำมันตกต่ำอยู่ก่อนแล้ว
“การตัดสินในยุติการผลิตและจำหน่ายกาแล็กซีโน้ต 7 มีผลต่อการส่งออกของเวียดนามในปีนี้อย่างแน่นอน” นายเหวียน ไม ประธานสมาคมการลงทุนต่างประเทศของเวียดนาม กล่าว ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกของบริษัทนั้นคิดเป็นร้อยละ 20 ของการขนส่งสินค้า
การเรียกคืนเครื่องโน้ต 7 ในระลอกแรก 2.5 ล้านเครื่อง หลังเกิดกรณีแบตเตอรี่ระเบิด เกี่ยวข้องอย่างจังกับการส่งออกของเวียดนาม ที่ลดลงไป 1,100 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ซัมซุงทำให้เวียดนามกลายเป็นฮับของการผลิตอิเล็กทรอนิกส์แทบจะเป็นเจ้าเดียว ด้วยมูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านดอลลาร์ ซัมซุงยังเป็นผู้สงออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการขนส่งสินค้าอเล็กทรอนิกส์ 33,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว
ตอนนี้เวียดนามต้องเผชิญกับการสูญเสียรายได้การส่งออก และคงกระทบกับเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 6.7 ในปี 2559 นี้ หลังจากส่งสัญญาณมาแล้วในเดือนกันยายน เมื่อมีการเรียกคืนโน้ต7