รัสเซียเปิดเทปลับ – วันที่ 27 ส.ค. บรรษัทพลังงานปรมาณูของรัฐรัสเซีย รอสอะตอม เผยแพร่วิดีโอลับสุดยอดไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ ซาร์บอมบา ของสหภาพโซเวียตช่วงสงครามเย็น เพื่อเฉลิมฉลอง 75 ปี แห่งการก่อตั้งรอสอะตอม เมื่อวันที่ 20 ส.ค. หลังทางการเก็บเป็นความลับมาเกือบ 60 ปี

 

ช่างภาพยุคโซเวียตพยายามจับภาพความรุนแรงของซาร์บอมบา ระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ 50 เมกะตัน ซึ่งปะทุด้วยแรงระเบิด 50 ล้านตัน หรือ 3,333 เท่า ของแรงระเบิดที่ทำให้เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นราบเป็นหน้ากลองช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่สอง

กล้องวิดีโอบันทึกภาพห่างจากแรงระเบิดหลายร้อยไมล์เผยลูกไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า 40 วินาที ก่อนจะสลายไปกับเมฆรูปเห็ดที่ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้วยความสูงถึง 213,000 ฟุต หรือ 6 เท่าของระดับความสูงเครื่องบินโดยสาร

ซาร์บอมบา หรือ อาร์ดีเอส-220 รหัสอย่างเป็นทางการของกองทัพรัสเซีย เป็นระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยสร้างมา และพัฒนาขึ้นมาช่วงจุดสูงสุดของสงครามเย็น แข่งกับ อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ ขนาดใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา

เมื่อปี 2497 อเมริกาทำการระเบิดอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ ที่ออกแบบให้พลังรุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีชื่อ แคสเซิลบราโว และทำการระเบิดในเกาะมาร์แชลด้วยแรงถึง 15 เมกะตัน กองทัพโซเวียตจึงรีบหาทางเอาชนะสหรัฐ สร้างระเบิดขนาดใหญ่กว่าอย่างซาร์บอมบา เมื่อปี 2504 ทุบสถิติระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยสร้างมา

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2504 ระเบิดซาร์บอมบาบรรจุภายในปลอกระเบิด ลำเลียงด้วยรถไฟไปฐานทัพอากาศโอเลเนีย และบรรจุใต้ท้องเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยยาว ตู-95 ซึ่งเดินทางไกล 600 ไมล์ มุ่งหน้าเกาะเซเวียร์นี บนผืนทะเลบาเรนต์ ลึกเข้าไปในวงกลมอาร์กติก ก่อนจะทิ้งระเบิดจากระดับความสูง 13,000 ฟุต

ระเบิดน้องใหม่โซเวียตผูกกับร่มชูชีพด้วยเพื่อจะได้ตกถึงพื้นดินช้าลง และให้เวลาเครื่องบินพ้นรัศมีจากระเบิด ที่สร้างอานุภาพทรงพลังสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ แสงแวบวาบจากระเบิดซาร์บอมบาเห็นไกลถึงนอร์เวย์ ส่วนกัมมันตรังสีฟุ้งกระจายไปทั่วสแกนดิเนเวียจนนานาชาติประณามการทดสอบ

ส่งผลให้เมื่อปี 2506 สหรัฐอเมริกาและรัสเซียลงนามสนธิสัญญาห้ามทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในชั้นบรรยากาศทั้งหมด จึงต้องทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดิน ส่วนสหรัฐล้มเลิกสร้างอาวุธขนาดใหญ่กว่าซาร์บอมบา แต่หันไปสร้างระเบิดขนาดเล็กลงเพื่อติดตั้งกับขีปนาวุธได้ ก่อนจะตามด้วยการลงนามสนธิสัญญาห้ามทดสอบนิวเคลียร์ทั้งหมดในปี 2533

ต่อมา เมื่อปี 2560 สมาชิกสหประชาชาติ 84 ประเทศ ลงนามสนธิสัญญาสหประชาชาติห้ามอาวุธนิวเคลียร์ ห้ามใครลงนามเพื่อพัฒนา ทดสอบ สร้าง หรือกักตุนอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่มีประเทศไหนที่มีอาวุธนิวเคลียร์ยินยอมลงนามข้อตกลงสักประเทศเดียว

……

ชมคลิปฉบับเต็ม :

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน