เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐยะไข่ พื้นที่พิพาทสองศาสนาในภาคตะวันตกของประเทศพม่า ว่า นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และรมว.กระทรวงต่างประเทศพม่า ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่ากลุ่มมุสลิมโรฮิงยาสายสุดโต่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเผาบ้านเรือน และบังคับให้เด็กเป็นนักรบเพื่อกระทำการก่อการร้าย

สถานการณ์ตึงเครียดครั้งใหม่ในรัฐยะไข่เริ่มต้นจากเหตุการณ์กองกำลังโรฮิงยาบุกโจมตีด่านตำรวจกว่า 24 แห่งในรัฐยะไข่เมื่อค่ำวันพฤหัสฯ ที่ 24 ส.ค. และนำไปสู่การปะทะนองเลือดครั้งร้ายแรงในรอบกว่า 10 เดือน มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 ราย ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกกลุ่มมุสลิมโรฮิงยาสายสุดโต่งราว 80 ราย

แถลงการณ์ของนางซู จี ซึ่งโพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก พร้อมภาพถ่ายชาวบ้านจำนวนมากถูกสมาชิกโรฮิงยาสายสุดโต่งยิงสังหาร และข้อความว่า “ผู้ก่อการร้ายปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงโดยใช้เด็กเป็นทหารแถวหน้า และยังจุดไฟเผาหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อย” นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้พลเรือชาวมุสลิมโรฮิงยาอยู่ในความสงบ ไม่ขัดขืนหยิบไม้ ดาบ หรืออาวุธขึ้นต่อต้าน และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ซึ่งนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ต่างๆ ในรัฐยะไข่

ชาวโรฮิงยาตกค้างอยู่ที่เขตค็อกซ์ บาซาร์ ชายแดนบังกลาเทศ-พม่า REUTERS/Mohammad Ponir Hossain

ด้านกองทัพปลดปล่อยอาระกันโรฮิงยา หรืออาร์ซา กองกำลังที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์บุกโจมตีด่านตำรวจ โพสต์ข้อความตอบโต้นางซู จี ผ่านทวิตเตอร์ของกลุ่มว่า “ระหว่างการบุกค้นหมู่บ้านโรฮิงยา กองกำลังทหารพม่านำกลุ่มชาวพุทธสายสุดโต่งเข้ามาและโจมตีหมู่บ้านโรฮิงยา ปล้นสะดมทรัพย์สิน และจากนั้นก็จุดไฟเผาบ้านของชาวโรฮิงยาจนวอดวาย”

เจ้าหน้าที่บังกลาเทศคอยกั้นไม่ให้โรฮิงยาข้ามแดน / REUTERS/Mohammad Ponir Hossain

ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการกลางต่อต้านการก่อการร้ายของพม่า ประกาศขึ้นบัญชีดำกลุ่มอาร์ซาเป็นองค์กรก่อการร้ายตามกฎหมายปราบปรามการก่อการร้าย มาตรา 6

วันเดียวกัน สำนักวาติกันแถลงหมายกำหนดการของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ว่าจะเสด็จเยือนเมียนมาและบังกลาเทศในวันที่ 27 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2560 นี้ หลังจากพระองค์เพิ่งทรงเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องเมตตาชนกลุ่มน้อยโรฮิงยา และยุติการใช้ความรุนแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน