วันที่ 27 ต.ค. บีบีซี รายงานว่า เจ้าหญิงเดลฟีน พระธิดาในอดีต สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชวงศ์เบลเยียม ทรงเข้าเฝ้าพระราชบิดาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เจ้าหญิงทรงได้รับฐานันดรศักดิ์ ตามคำตัดสินของศาลที่ให้พระองค์ชนะการต่อสู้ทางกฎหมายจากการอ้างความเป็นธิดานอกสมรสในอดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2

REUTERS

สำนักพระราชวังเบลเยียมเผยแพร่พระฉายาลักษณ์ร่วมระหว่างอดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 พระชนมพรรษา 86 พรรษา พร้อมด้วย อดีตสมเด็จพระราชินีเปาลา และเจ้าหญิงเดลฟีน พระชันษา 52 ปี ณ พระราชวังลาเกิน ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.

แถลงการณ์ร่วมทั้งสามพระองค์ระบุเป็นการเริ่มต้น “บทใหม่” ภายหลังเผชิญความวุ่นวาย ความทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวด ถึงเวลาที่ต้องให้อภัย เยียวยา และคืนดีกัน พวกเราร่วมตัดสินใจที่จะปูเส้นทางใหม่นี้ ซึ่งจะต้องใช้ความอดทนและความพยายาม แต่จะตั้งใจอย่างแน่วแน่”

อบอุ่นพระทัย

BELGIAN MONARCHY/ FACEBOOK

ความเคลื่อนไหวน่ายินดีภายในราชวงศ์เบลเยียมเกิดขึ้นภายหลังที่เจ้าหญิงเดลฟีน ทรงเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิป กษัตริย์แห่งราชวงศ์เบลเยียม ผู้เป็นพระเชษฐา เป็นครั้งแรกอย่างอบอุ่น เมื่อต้นเดือนตุลาคม ณ พระราชวังลาเกิน เช่นกัน

สมเด็จพระราชาธิบดี ฟิลิปป์ แห่งเบลเยียม กษัตริย์องค์ปัจจุบัน และ อดีตกษัตริย์ อัลแบร์ที่ 2 พระราชบิดา (Photo by Tim P. Whitby/Getty Images)

ข่าวลือว่าอดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 ทรงมีลูกนอกสมรสครั้งแรกในปี 2542 เมื่อ บารอนเนส ซีบิล เดอ เซลีส ลองฌองป์ พระมารดาในเจ้าหญิงเดลฟีน อ้างว่าตนเองกับอดีตกษัตริย์อัลแบร์มีสัมพันธ์กันระหว่างปี 2509-2527 ช่วงที่พระองค์ยังดำรงพระยศเป็นเจ้าชายอัลแบร์แห่งลีแย จึงเป็นประเด็นอื้อฉาว ซุบซิบในประเทศ

ต่อมา เจ้าหญิงเดลฟีน หรือพระนามเดิม เดลฟีน โบเอล ศิลปินหญิง ทรงให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกเมื่อปี 2548 ว่ากษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ก่อนจะยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อปี 2556 ซึ่งอดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ จึงสูญเสียเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมาย

แต่อดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 ทรงปฏิเสธมาตลอด และไม่ยอมเข้ารับการตรวจสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกตามคำสั่งศาล กระทั่งศาลต้องสั่งปรับวันละ 5,000 ยูโร หรือราว 180,000 บาท จนกว่าพระองค์จะทรงเข้ารับการตรวจดีเอ็นเอ

เดือนม.ค. 2563 อดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 ทรงยอมรับว่า เจ้าหญิงเดลฟีนทรงเป็นทายาทองค์ที่ 4 ในพระองค์เอง ภายหลังทรงทราบผลการทดสอบดีเอ็นเอที่ชี้ว่า ทั้งสองพระองค์มีความสัมพันธ์ทางสายพระโลหิต

เจ้าหญิงเดลฟีนทรงพระกันแสงเล็กน้อยระหว่างการแถลงข่าวครั้งแรกในสมาชิกราชวงศ์เบลเยียม / EPA

ในที่สุด 1 ต.ค. 2563 ศาลสูงกรุงบรัสเซลส์ตัดสินให้เจ้าหญิงเดลฟีนทรงชนะคดี ทำให้พระองค์ได้รับฐานันดรศักดิ์และสิทธิในมรดกเท่าเทียมกับทายาทสามพระองค์ในอดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 กับ สมเด็จพระราชินีเปาลา ได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิป เจ้าหญิงอัสตริด และ เจ้าชายโลร็อง

นอกจากนี้ เจ้าหญิงเดลฟีน พร้อมด้วย โจเซฟีน และ ออสการ์ ธิดาและโอรสในองค์หญิงเอง สามารถใช้ราชสกุล ซัคเซิน-โคบวร์ค ของพระบิดาได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเดลฟีนจะทรงไม่ได้รับเงินพระราชทานในฐานะเชื้อพระวงศ์ (royal endowment) แต่อดีตกษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 พระชนมพรรษา 86 พรรษา ในฐานะผู้แพ้คดี ยังต้องทรงชำระค่าธรรมเนียมทางกฎหมายของเจ้าหญิงเดลฟีนเกือบ 3.4 ล้านยูโร หรือราว 124 ล้านบาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อบอุ่นพระทัย “เจ้าหญิงเดลฟีน” ธิดานอกสมรส ทรงพบ “กษัตริย์เบลเยียม” ครั้งแรก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน