ไม่ต้องแอบแล้ว ลูกชายโจ ไบเดน ขึ้นเวทีฉลองชัยให้คุณพ่อ
ไม่ต้องแอบแล้ว ลูกชายโจ ไบเดน – เดลีเมล์ รายงานว่า ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายคนโตของโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 ขึ้นเวทีฉลองชัยชนะกับพ่ออย่างเปิดเผย หลังจากต้องเก็บตัวโลว์โปรไฟล์มาตลอดนับจากตกเป็นข่าวอื้อฉาว จนเขย่าการสู้ศึกประธานาธิบดีของพ่อ
ฮันเตอร์ นักธุรกิจวัย 50 ปี อุ้มลูกชาย วัย 7 เดือน ตั้งชื่อตามพี่ชายที่ป่วยตายไปเมื่อปี 2558 ว่า โบ พร้อมควง เมลิสสา ภรรยาชาวแอฟริกาใต้ อายุ 34 ปี ขึ้นเวทีมาด้วย
นับว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนจำนวนมาก หลังจากฮันเตอร์หลบฉาก ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมานานหลายเดือน
ฮันเตอร์แต่งงานเมลิสสา ภรรยาที่พบกันได้เพียง 6 วัน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 จากนั้นเดือนมิถุนายนปีนี้ มีคนเห็นทั้งสองพาลูกชายตัวน้อยไปเดินป่าที่เนินเขารอบๆ นครลอสแองเจลิส
ต่อมาเดือนสิงหาคม ฮันเตอร์ร่วมงานประชุมพรรคเดโมแครตผ่านทางวิดีโอลิงก์ช่วงสั้นๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ร่วมทริปหาเสียงของพ่อเลย เนื่องจากทีมหาเสียงของไบเดนลำบากใจที่ข่าวอื้อฉาวของนายฮันเตอร์ไม่เป็นผลดีกับพ่อ
ขณะที่คู่แข่งก็ดึงเรื่องนายฮันเตอร์มาโจมตีอย่างหนักหน่วง
ช่วงเดือนกันยายน รูดี จูลีอานี นักการเมืองผู้เฒ่าที่เป็นทนายความของนายทรัมป์ได้ภาพและข้อมูลของฮันเตอร์จากแล็ปท็อปที่ฮันเตอร์ส่งไปซ่อมที่ร้าน
เครื่องแล็ปท็อปดังกล่าวมีระบบรักษาความปลอดภัยน้อยมาก ทั้งที่มีเบอร์โทร.ส่วนตัว อีเมล์ติดต่อ สมาชิกคณะรัฐมนตรีและนักการเมืองระดับสูงหลายคนที่นายฮันเตอร์ทำธุรกิจอยู่ด้วย ทั้งในจีนและยูเครน รวมทั้งยังมีภาพนายฮันเตอร์คาบบุหรี่อยู่ในอ่างอาบน้ำด้วย
ทีมหาเสียงของนายทรัมป์ฉวยใช้ข้อมูลเหล่านี้โจมตีทันทีว่า นายไบเดนรู้เรื่องที่ลูกชายไปทำข้อตกลงทางธุรกิจในจีนและยูเครน และหาประโยชน์จากคนเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่จะสรุปได้ตามข้อกล่าวหาของทีมทรัมป์
โจ ไบเดนปกป้องลูกชายมาเสมอ และยืนยันว่า เวลาที่ทรัมป์กล่าวหาว่าคนในครอบครัวคอร์รัปชั่น ข้อกล่าวหานี้ย้อนไปหาทรัมป์เอง ไม่ใช่ลูกๆ ของตน
การปรากฏตัวต่อสาธารณชนของฮันเตอร์ในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันผู้สนับสนุนไบเดนพากันเฉลิมฉลอง อีกทั้งท่าทีที่นายทรัมป์เอ็นดูลูก เหมือนจะบอกว่า ให้อภัยทุกอย่างแล้ว เพื่อเปิดทางให้ลูกชายกู้ชื่อเสียงคืนมา
ก่อนหน้านี้ ฮันเตอร์สัญญาว่าจะไม่ทำธุรกิจระหว่างประเทศอีกระหว่างที่พ่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นอกจากนี้ฮันเตแร์ยังปรับปรุงตัวใหม่ เลิกเหล้าเมายาได้อย่างเด็ดขาด จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจได้แรงสนับสนุนมาจากภรรยาคนใหม่ให้ดัดนิสัยเป็นพ่อที่ดีของลูกคนที่ 5
ก่อนหน้านี้ ฮันเตอร์เคยแต่งงานกับ แคธลีน บูห์ล ไบเดน ใช้ชีวิตสมรสร่วมกันนานถึง 22 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ เมซี นาโอมิ และฟินนีแกน
แต่หลังจากโบ น้องชายของฮันเตอร์เสียชีวิตเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ผ่านไปได้ 5 เดือน ฮันเตอร์และแคธลีนก็แยกกันอยู่
ความตายของโบ จากโรคเนื้องอกในสมองขณะอายุ 46 ปี ทำให้ครอบครัวของไบเดนปวดร้าวใจมาก ไบเดนกล่าวว่า นี่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2559
รักกับภรรยาน้อง
สำหรับฮันเตอร์ ชีวิตรักกลับอลเวง เมื่อชายหนุ่มกับฮัลลี ภรรยาม่ายของพี่ชาย มีใจให้กัน และเริ่มสานสัมพันธ์เป็นคนรัก ซึ่งไบเดนก็เห็นชอบด้วยเพราะคนทั้งสองที่ต่างรักโบเหมือนกัน
“เราโชคดีกันหมดที่ฮันเตอร์กับฮัลลีพบใจของกันและกัน ใช้ชีวิตด้วยกันหลังจากเผชิญกับความเศร้าเช่นนั้น” ไบเดนกล่าวและว่า จิลล์ ภรรยาของตนก็สนับสนุนและดีใจกับทั้งคู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม รักจบลงในเวลาเพียง 2 ปี ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวของฮันเตอร์ที่ใช้ชีวิตสำเริงสำราญ กินเหล้าเสพยา ทั้งยังมีลูกกับนางระบำเปลื้องผ้า เป็นลูกคนที่ 4 ของตนเอง เมื่อปี 2561
ฮันเตอร์มาตั้งสติได้อีกครั้งกับภรรยาคนปัจจุบัน แต่การเข้าไปทำธุรกิจพลังงานที่ยูเครน ระหว่างที่พ่อยังเป็นรองประธานาธิบดี เมื่อปี 2557 กลายเป็นปมอื้อฉาวและเป็นจุดอ่อนให้ไบเดนถูกทีมทรัมป์งัดมาโจมตี
ทำเนียบชาวในตอนนั้น สมัยบารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดี แถลงว่า ประเด็นนี้ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ เพราะไบเดนเป็นเอกชนคนหนึ่ง และไม่พบหลักฐานว่าไบเดนเองทำผิดอะไร
ต่อมาเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ย้อนศรกลับไปหาทรัมป์ เมื่อมีข้อกล่าวหาว่า ทรัมป์ติดต่อประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ให้สอบสวนว่า ฮันเตอร์และโจ ไบเดน เข้าไปเกี่ยวพันการคอร์รัปชั่นในธุรกิจของยูเครนหรือไม่ จนทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจประธานาธิบดีในทางมิชอบ เพื่อประโยชน์ของตนเองในการเลือกตั้ง
แม้ว่าทรัมป์จะรอดพ้นกระบวนการถอดถอนมาได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ปราชัยให้ไบเดนในการเลือกตั้งในที่สุด
เปิดโอกาสให้ทั้งพ่อและลูกพิสูจน์ตนเองกับชาวอเมริกัน โดยเฉพาะฮันเตอร์ที่กลายเป็น “ลูกประธานาธิบดี” ว่าจะกลับตัวกลับใจ ล้างประวัติเสื่อมเสียได้ดีเพียงใด
/////
อ่านข่าว :
ประวัติ “โจ ไบเดน” จากคู่หูสู่ตัวจริง ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46