ลือหึ่ง! เมลาเนียจ่อเททรัมป์ หลังหมดวาระประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ลือหึ่ง! เมลาเนียจ่อเททรัมป์ – วันที่ 9 พ.ย. อินดิเพนเดนต์รายงานข่าวซุบซิบถึงชะตากรรมขาลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาคนแรกที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งสมัยที่สองในรอบ 30 ปี ว่านางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง อาจมีแผนเตรียมฟ้องหย่าหลังนายทรัมป์หมดวาระ

กระแสข่าวซุบซิบดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่บรรดาสื่ออเมริกันวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2559 ที่นางเมลาเนียถึงขั้นร้องไห้ออกมา แต่สื่อมองว่าไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่เพราะความไม่ต้องการสวมบทบาทสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ

ลือหึ่ง! เมลาเนียจ่อเททรัมป์

รอยเตอร์

ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่ง นางเมลาเนีย อายุ 50 ปี ซึ่งเดิมเป็นนางแบบชาวสโลวัก นั้นมีท่าทีแข็งขืนหลายครั้งต่อนายทรัมป์ ทั้งยังมักเก็บตัวไม่ชอบการออกสื่อ

ล่าสุด หลังแพ้การเลือกตั้งนางเมลาเนีย และนางอิวานก้า ทรัมป์ บุตรสาว รวมทั้งนายแจเหร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย ต่างแนะนำให้นายทรัมป์ยุติความดื้อดึงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ตนพ่ายแพ้ให้กับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมเครติก หรือเดโมแครตอย่างยับเยิน

ข่าวซุบซิบล่าสุดนี้มาจากนางโอมาโรซา แมนากัลต์ นิวแมน อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว อ้างว่า นางเมลาเนียวางแผนจะหย่าร้างกับทรัมป์หลังพ้นวาระผู้นำสหรัฐฯ เนื่องจากหากหย่าตอนที่ทรัมป์ยังดำรงตำแหน่งอยู่ก็กลัวว่าอาจถูกใช้อำนาจกลั่นแกล้งเพื่อสางแค้น

นางนิวแมน เป็นจนท.ทำเนียบขาว ที่ถูกประธานาธิบดีทรัมป์สั่งปลด หลังพยายามนำคลิปบันทึกเสียงของทรัมป์ในห้องวอร์รูมมาเผยแพร่ให้สื่อ

ขณะที่บรรดาผู้ใช้โลกออนไลน์ต่างพากันตั้งฉายาให้นางเมลาเนียว่า เฟก เมลาเนีย แปลว่า เมลาเนียตัวปลอม โดยแซวว่า เมลาเนีย ที่มักออกมายืนเฉยๆ ไม่กล่าวอะไรกับสื่ออาจเป็นตัวปลอมด้วย

ด้านซีเอ็นเอ็น หนึ่งในสำนักข่าวคู่กัดกับทรัมป์ รายงานว่า หลังการเลือกตั้งนางเมลาเนียเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้องที่ทำเนียบขาว และไม่ร่วมประชุมวางแผนใดๆ กับจนท.ทำเนียบขาวอีก โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดมีเพียงทวิตเตอร์เท่านั้น

“ชาวอเมริกันสมควรได้รับการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม คะแนนที่ถูกต้องตามกฎหมายต้องได้รับการนับ แต่ไม่ใช่คะแนนที่ผิดกฎหมาย พวกเราต้องปกป้องประชาธิปไตยด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้” เมลาเนียทวีต

ซีเอ็นเอ็น มองว่า ความพยายามที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปของนายทรัมป์นั้นเหลืองเพนง 2 ปัจจัยใหญ่ที่ผลักดันนายทรัมป์ ได้แก่ บุตรชาย 2 คน ที่เชียร์พ่อให้สู้ต่อ และเงิน

ทั้งนี้ การออกมากล่าวหาการเลือกตั้งว่ามีการโกงเกิดขึ้นโดยไม่มีหลักฐานของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นกำลังสร้างความเดือดดาลให้ชาวอเมริกันจำนวนมาก

เนื่องจากมองว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น ฉันทามติของประชาชนเป็นอำนาจสูงสุด และกลไกการเลือกตั้งถือเป็นกระบวนการที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ แต่ทรัมป์กลับพยายามบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ บางกลุ่มถึงขั้นกล่าวหาว่าทรัมป์เป็นฟาสซิสต์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน