ทวิตเตอร์ ขยายกฎเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำพูดแสดงความเกลียดชัง หรือ เฮตสปีช ให้ครอบคลุมถึงเรื่อง เชื้อชาติและชาติพันธุ์ หลังจากถูกเรียกร้องเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2563 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ในวันพุธ (2 ธค.63) ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ได้ประกาศว่ามีการขยายเพิ่มเติม นโยบายความปลอดภัยของชุมชนโซเชียลมีเดีย ที่จำกัดคำพูดแสดงความเกลียดชัง ให้รวมถึง “ภาษาที่ลดทอนความเป็นมนุษย์บนพื้นฐานของเชื้อชาติชาติพันธุ์และชาติกำเนิด”
ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ได้ ห้ามการเผยแพร่คำพูดที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือวรรณะในปี ค.ศ 2019 (พ.ศ.2562) และมีการปรับปรุงกฎเพิ่มเติม ในเดือนมีนาคมเพื่อเพิ่มเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ อายุ ความพิการ และ โรค ในรายการหมวดหมู่ที่ได้รับการคุ้มครอง
Arisha Hatch / Essence
กลุ่มสิทธิพลเมือง ‘คัลเลอร์ ออฟ เชนจ์’ (Color of Change) ได้ผลักดันให้ บริษัท ทวิตเตอร์ ลดคำพูดแสดงความเกลียดชังทางออนไลน์ ซึ่งเรียกการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า ‘เป็นความยินยอมที่จำเป็นต้องทำ’ หลังจากหลายปีที่มีแรงกดดันจากภายนอกให้ทวิตเตอร์ให้ความสำคัญกับคำพูดที่สร้างความเกลียดชังให้มากขึ้น โดยโฆษกหญิงของทวิตเตอร์ กล่าวว่า บริษัท ได้วางแผนตั้งแต่เริ่มต้นที่จะเพิ่มหมวดหมู่ใหม่ให้กับนโยบายเมื่อเวลาผ่านไปหลังจากการทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถบังคับใช้กฎที่ปรับปรุงได้อย่างสม่ำเสมอ
ในแถลงการณ์ แอริชา แฮทช์ รองประธานกลุ่ม ของ ‘คัลเลอร์ ออฟ เชนจ์’ ได้วิพากษ์วิจารณ์ทวิตเตอร์ ที่ไม่สามารถอัปเดตนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติและชาติพันธุ์ให้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 แม้จะมีคำเตือนซ้ำ ๆ จากกลุ่มผู้ที่เรียกร้องเกี่ยวกับคำพูดที่รุนแรงและไร้มนุษยธรรม นอกจากนี้ แฮทช์ ยังกล่าวอีกว่า “ทวิตเตอร์ ได้ปฏิเสธที่จะอธิบายและสร้างความโปร่งใสในการฝึกอบรมผู้ดูแลเนื้อหาและประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการระบุเนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย ทั้งนี้ คณะทำงานลูกขุน จะคอยตรวจสอบบริษัท ที่มีประวัติการดำเนินนโยบายที่ไม่ชัดเจนในการบังคับใช้กฎกับผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียหัวรุนแรงขวาจัด” เธอกล่าว
