ช่างภาพสัตว์ป่าสุดตื่นเต้น หลังพบกวางมูสสีขาวสุดหายาก อยู่รวมเป็นฝูงกว่า 30 ตัว ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ในประเทศสวีเดน ชี้เกิดจากการกลายพันธ์ุ
โรเจอร์ เบรนด์ฮาเกน ช่างภาพสัตว์ป่า ชาวนอร์เวย์ วัย 52 ปี ได้พบกวางมูสระหว่างที่กำลังออกไปเดินเล่นในชนบทใกล้กับแวร์มลันด์ เมืองตะวันตกของสวีเดน และเขาก็ต้องตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้พบกับฝูงกวางมูสขาวที่อาศัยอยู่รวมกันกว่า 30 ตัว “ผมเจอกวางมูสมาหลายพันตัวตลอดชีวิตของผม แต่หลังจากที่ผมได้พบมัน ผมแทบจะเสียสติไปเลย โชคดีที่ผมพกกล้องมาด้วย” เบรนด์ฮาเกนกล่าว
การที่กวางมูสเหล่านี้มีสีขาว ไม่ได้เกิดมาจากโรคเผือก แต่เป็นผลมาจากยีนส์ด้อย หรือการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ซึ่งอาจทำให้สัตว์มีขนที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล และในบางกรณีก็อาจจะเป็นสีขาว ตั้งแต่เป็นหย่อมๆ ไปจนถึงทั้งตัวนั่นเอง สภาพดังกล่าวถูกเรียกว่า piebaldism ซึ่งที่ผ่านมายังเคยพบกวางเหล่านี้ในอลาสกา และแคนาดาตามที่ National Geographic เคยรายงานไว้
แต่ในกรณีของโรคเผือกในสัตว์และในคนส่งผลให้ดวงตามีสีอ่อนหรือสีชมพู ทั้งนี้ piebaldism ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ leucism ที่พบเห็นได้ในสัตว์จะสูญเสียเม็ดสีในขน หรือเกร็ด แต่ในดวงตายังมีสีเดิมอยู่ “สัตว์อาจมีสีจางลงบางส่วนหรือเป็นสีขาวทั้งหมดอย่างไรก็ตามดวงตา จงอยปาก และกรงเล็บ มักจะมีสีปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนผิวเผือก” เบรนด์ฮาเกนอธิบาย
ทั้งนี้กวางมูส คือกวางขนาดใหญ่ที่พบในป่าเขตหนาวและอบอุ่นซีกโลกเหนือ สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือสายพันธุ์อะแลสกา สามารถพบได้ในบริเวณป่าไทกา ในทวีปอเมริกาเหนือจะเรียกว่า มูส ในยูเรเชียจะเรียกว่า เอลก์ พบมากในบริเวณประเทศแคนาดา, ประเทศลัตเวีย, ประเทศเอสโตเนีย และประเทศรัสเซีย
กวางมูสโดยทั่วไปจะมีน้ำหนัก 360 กิโลกรัม สูงเฉลี่ย 1.4-2.1 เมตร และสามารถกินได้ถึง 32 กิโลกรัมต่อวัน ด้วยขนาดตัว และเขาที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้มันเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า จึงมักตกเป็นเหยื่อของนักล่าอย่างหมาป่า และมนุษย์ โดยปกติพวกมันจะเคลือนไหวช้าแต่ถ้าพวกมันโกรธหรือตกใจพวกมันก็สามารถวิ่งได้เร็วเช่นกัน
กวางมูสเป็นสัตว์กินพืชสมุนไพรและสามารถกินพืชหรือผลไม้ได้หลายชนิด พลังงานของกวางส่วนใหญ่ได้มาจากพืชซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยพืชสมุนไพรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หญ้าแต่จะเป็นยอดสดจากต้นไม้ เช่น วิลโลว์, เบิร์ช พืชเหล่านี้มีโซเดียมค่อนข้างต่ำจึงทำให้พวกมันต้องไปกินพืชน้ำที่จะให้โซเดียมเพิ่ม ในช่วงฤดูหนาวพวกมันจะไปตามถนนเพื่อเลียเกลือที่คนน้ำโรยถนน
ที่มา : dailymail
