ซักเคอร์เบิร์ก แบน ทรัมป์ – วันที่ 7 ม.ค. นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง เฟซบุ๊ก ออกแถลงการณ์ห้าม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะหมดวาระ ใช้ เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม จนกว่าที่ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.
ภายหลังเหตุการณ์จลาจลรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. บุกแคปิตอล ฮิลล์ หรือรัฐสภาสหรัฐ เมื่อค่ำวันที่ 6 ม.ค. ตามเวลาสหรัฐตะวันออก ซึ่งนายซักเคอร์เบิร์กระบุว่าเป็น “กบฏ”
ซีอีโอเฟซบุ๊กระบุว่า การห้ามใช้สองสื่อสังคมออนไลน์จะมีไม่กำหนด หรืออย่างน้อย 2 สัปดาห์ข้างหน้า และกล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์ล้มเหลวในการใช้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่เพื่อประณามฝูงชน
ระบุว่า เป็นมุมมองของเฟซบุ๊กที่ผู้นำสหรัฐจงใจใช้เวลาดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่ “บ่อนทำลายการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติและชอบด้วยกฎหมายไปสู่ผู้สืบทอดตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้ง”
ความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายหลังบรรดาที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จำกัดโพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ขณะที่ฝูงชนดึงดันบุกรัฐสภา เช่น ทวิตเตอร์ ที่จำกัดโพสต์วิดีโอของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เรียกร้องให้ฝูงชนกลับบ้าน แต่ประโคมข้ออ้างผิดๆ หลายครั้งว่า การเลือกตั้งถูกขโมยไป
ทวิตเตอร์ยังบล็อกฟังก์ชัน ถูกใจ รีทวีต และคอมเมนต์วิดีโอดังกล่าว โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่จะกระตุ้นเกิดความรุนแรง ก่อนลบทวีตข้อความหลายอันของผู้นำสหรัฐช่วงเย็นขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามยึดรัฐสภากลับมา
บัญชีทวิตเตอร์ทางการของสำนักประธานาธิบดีสหรัฐยังเงียบเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่นั้นมา ต่างจากปกติของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มักทวีตข้อความจำนวนมาก ขณะที่เฟซบุ๊กและ ยูทูบ เริ่มลบวิดีโอดังกล่าวเช่นกัน
เหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวานนี้ทำให้ผู้ประท้วงเสียชีวิต 4 ราย ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีไบเดนระบุว่าเป็น “กบฏ” และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้ฝูงชนถอยลงมา โดยบอกฝูงชนว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ประท้วง ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำลายประชาธิปไตย
นายซักเคอร์เบิร์กโพสต์บนเฟซบุ๊กถึงการตัดสินใจห้ามประธานาธิบดีทรัมป์ใช้สื่อสังคมออนไลน์ชั่วคราว ภายหลังเหตุการณ์ที่ผู้สังเกตการณ์หลายคนบอกว่าเป็น วันมืดมนสำหรับประชาธิปไตยในสหรัฐ
แถลงการณ์เต็มของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
“เหตุการณ์น่าตกใจในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่งเพื่อบ่อนทำลายการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติและชอบด้วยกฎหมายให้นายโจ ไบเดน ผู้สืบทอดตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้ง
“การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เพื่อปล่อยผ่านการกระทำของกลุ่มผู้สนับสนุนที่อาคารรัฐสภา แทนที่จะประณาม ทำให้คนในสหรัฐและทั่วโลกกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
“เราลบข้อความเหล่านี้ออกเมื่อวานนี้ เนื่องจากเราตัดสินว่า ผลพวงของข้อความและเจตนาดังกล่าวจะกระตุ้นเกิดความรุนแรงขึ้นอีก
“หลังการรับรองผลการเลือกตั้งโดยคองเกรส สิ่งสำคัญสำหรับทั้งประเทศตอนนี้ต้องทำให้แน่ใจว่า 13 วันที่เหลือและหลังการเข้ารับตำแหน่งจะผ่านไปอย่างสงบและเป็นไปตามบรรทัดฐานประชาธิปไตยที่กำหนด
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอนุญาตให้ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้แพลตฟอร์มของเราโดยสอดคล้องกับกฎของเราเอง บางครั้งลบเนื้อหาหรือติดป้ายโพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อละเมิดนโยบายของเรา
“เราทำเช่นนี้เพราะเราเชื่อว่า ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงสุนทรพจน์ทางการเมืองในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่คำพูดที่กลายเป็นประเด็นโต้เถียงกัน ทว่าบริบทในปัจจุบันมีความแตกต่างกันโดยพื้นฐาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อปลุกระดมจลาจลอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
“เราเชื่อว่าการอนุญาตให้ประธานาธิบดีใช้บริการของเราต่อไปในช่วงเวลานี้มีความเสี่ยงเกินไป
“ดังนั้น เราจึงขยายการบล็อกที่เราวางไว้ในบัญชีเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของประธานาธิบดีทรัมป์ไปเรื่อยๆ และอย่างน้อยสองสัปดาห์ข้างหน้าจนกว่าที่การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติจะเสร็จสิ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทรัมป์สัญญา “ส่งมอบอำนาจ” ให้ไบเดน หลังสภาคองเกรสรับรองผลเลือกตั้ง