ตั้งครรภ์ปลอม – วันที่ 11 ก.พ. ไลฟ์ และ คอมโซมอลสกายา ปราฟดา รายงานเบื้องหลังการตั้งครรภ์ปลอมสุดแนบเนียนในรัสเซีย ผู้หญิงหลอกสามีว่า ลูกแฝดกำลังลืมตาดูโลกแต่ต้องตายระหว่างที่แม่คลอด แต่ต้องมาตกม้าตาย หลังจากที่สามีพบ ตุ๊กตา 2 ตัว แทนที่จะเป็นศพลูกแฝด

เรื่องราวโอ้ละพ่อที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศเริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ในสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่วิดีโอของชายผู้หนึ่งขณะเตรียมฝังศพลูกแฝดทารกที่สุสานในสาธารณรัฐเดกาสถาน ปรากฏว่ากลับกลายเป็นตุ๊กตาพลาสติกขนาดเท่าของจริง 2 ตัว

“แปลว่าลูกแฝดยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ผมต้องเศร้าอีกครั้งที่ลูกแฝดผมหายไปไหนไม่รู้” นายดาอุดกล่าวตอนหนึ่งในวิดีโอ

ชายผู้นี้คือ นายดาอุด ดาอูดอฟ วัย 33 ปี แจ้งความกับตำรวจ และให้การจากคำพูดของภรรยาว่า ภรรยาคลอดลูกแฝดหลังเที่ยงคืนวันที่ 3 ก.พ. ที่ศูนย์ปริกำเนิดในเมืองสตัฟโรปอล สุขภาพแข็งแรงดี ส่วนภรรยานอนไอซียูก่อนออกจากโรงพยาบาล และได้อุ้มลูกแฝดครั้งแรกในวันที่ 8 ก.พ.

กระทั่งราวตี 2-3 ของวันที่ 9 ก.พ. ภรรยาบอกว่า หมอแจ้งข่าวร้ายถึงการเสียชีวิตของลูกแฝดเนื่องจาก เลือดออกในสมอง การยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตทำได้เพียงการชันสูตรพลิกศพ แต่ศาสนาอิสลามห้ามชันสูตรพลิกศพ

นายดาอุดจึงบอกภรรยาวันเดียวกันนั้นว่า ต้องนำศพลูกแฝดกลับมาสาธารณรัฐเดเกสถาน เพื่อฝังที่บ้านเกิดในหมู่บ้านตามาซาตูย์บ จากนั้น พรรคพวกเพื่อนฝูงช่วยกันขุดหลุมศพแล้ว แต่ก่อนฝัง ลูกพี่ลูกน้องบอกว่า “ลูกแฝดยังเป็นมนุษย์ เราต้องทำอย่างมนุษย์ ต้องเปิดหน้าดูใจเป็นครั้งสุดท้าย”

“ผมเริ่มเปิดผ้าห่อศพของลูกแฝดคนแรก ปรากฏว่าไม่มีลูกตา และเปิดผ้าห่อศพลูกแฝดอีกคน ไม่มีลูกตาเช่นกัน เป็นตุ๊กตาทั้งคู่”

นายดาอุดเชื่อว่า ลูกแฝดถูกคนอื่นสับเปลี่ยนไป และโทษว่าเป็นความผิดของศูนย์ปริกำเนิดที่เมืองสตัฟโรปอล

ตำรวจสาธารณรัฐเดกาสถานเข้ามาจัดการคดีนี้ รวมถึง นายวลาดีมีร์ วลาดีมีรอฟ ผู้ว่าการดินแดนสตัฟโรปอล ซึ่งต่อมาแจ้งว่า ได้รับข้อมูลของแม่ที่คลอดลูกแฝดจากตำรวจสาธารณรัฐเดกาสถาน แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามาคลอดลูกแฝดที่นี่

“ในกรณีมีผู้เสียชีวิต สถานพยาบาลไม่ได้ทำหน้าที่ส่งศพคืนให้ญาติ แต่เป็นหน่วยงานพยาธิวิทยา ซึ่งพยาธิแพทย์ต้องชันสูตรพลิกศพเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตก่อน ญาติคนตายจึงมีโอกาสเห็นศพได้ อีกทั้ง ที่ดินแดนสตัฟโรปอล ไม่มีกรณีที่ทารกเกิดออกมาตายนานแล้ว ยิ่งแฝดทารกยิ่งไม่มี” นายวลาดีมีรอฟกล่าวและว่า เหตุการณ์นี้ถือว่าแปลกมาก แต่รับปากจะติดตามตรวจสอบให้

สอดคล้องกับที่บุคลากรศูนย์ปริกำเนิดที่ตกเป็นข่าวระบุว่า ไม่พบฐานข้อมูลของแม่แฝดทารก ตรวจสอบบันทึกจากกล้องวงจรปิด ไม่พบแม่คนดังกล่าวเช่นกัน

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ดินแดนสตัฟโรปอล แจ้งกับสำนักข่าว ตาสส์ ว่า แม่แฝดทารกไม่ได้มาศูนย์ปริกำเนิดที่มีเพียง 2 แห่ง และสถานสูตินรีเวชแห่งอื่นในดินแดนสตัฟโรปอล ทั้งของปีนี้และปีที่แล้ว

 

ในที่สุด นางลอร่า ดาอูโดวา วัย 31 ปี ภรรยาของนายดาอุด เปิดปากยอมรับกับตำรวจว่า โกหกสามีว่าตั้งครรภ์และคลอดลูกแฝด หลังถูกหมอตรวจร่างกายเมื่อค่ำคืนนี้พบว่า นางลอร่าไม่ได้ตั้งครรภ์และคลอดลูกอย่างน้อยในช่วง 40 วันที่ผ่านมา

นางลอร่าสารภาพว่า เธอและสามีอยากมีลูกมานานแล้ว และปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ผลตรวจตั้งครรภ์เป็น 2 ขีด เธอจึงบินไปหาหมอเพื่อเข้ารับการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่มีตัวอ่อนในท้องแม่ แต่ไม่สามารถบอกสามีได้ จึงบอกสามีไปว่าตั้งครรภ์ และสามีเชื่อด้วย เธอจึงต้องตบตาถึงขั้นที่ว่า ท้องเริ่มโต และตัวเธอเริ่มขยับไปมา จนสามีและพ่อแม่สามีเห็นและมีความสุข

“ฉันเห็นสามีดีใจและไม่สามารถทำให้เขาเสียใจได้ ฉันไม่สามารถบอกว่าโกหกได้ จึงเล่นละครเหมือนหญิงตั้งครรภ์ต่อไป นานเข้าๆ เริ่มแสดงอาการตั้งครรภ์ให้สมจริง โดยทำทีเหมือนว่าลูกดิ้นในท้อง”

นางลอร่ากล่าวว่าต้องการมีลูกเหมือนกันจึงเชื่อว่าตั้งครรภ์จริงๆ พอถึงวันคลอดปลอมๆ จึงเดินทางไปศูนย์ปริกำเนิดในเมืองสตัฟโรปอล โดยเช่าอพาร์ตเมนต์ใกล้ๆ และซื้อตุ๊กตามา 2 ตัว ตั้งชื่อว่า อาหมัด และ มูฮัมหมัด และอีก 6 วันถัดมา เธอเอาผ้าห่อตุ๊กตาและดูแลด้วยความรักแบบแม่จริงๆ

ภาพถ่ายทารกแฝดที่นางลอร่าส่งไปหลอกสามีว่าเป็นลูกแฝดที่ลืมตาดูโลก

 

ภาพถ่ายทารกแฝดที่นางลอร่าส่งไปหลอกสามีว่าเป็นลูกแฝดที่ลืมตาดูโลก

นอกจากนี้ นางลอร่าหาภาพถ่ายทารกแฝดทางอินเตอร์เน็ต และส่งไปให้สามีดูบอกว่า นี่คือลูกแฝดของทั้งคู่ด้วย

เมื่อเวลาใกล้คลอดมาถึง นางลอร่าจำเป็นต้องโกหกว่า ลูกตายระหว่างที่แม่คลอด และเอาผ้าห่อศพลูกแฝดปลอมๆ เพื่อกลับไปฝังที่สุสานในบ้านเกิด และต้องโกหกครอบครัวด้วยว่า หมอไม่ให้ญาติเปิดผ้าห่อศพเพื่อดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เรื่องจะลุกลามใหญ่โตและย้อนกลับมาหาตัวเธอในที่สุด

“สำหรับฉันแล้วนี่เป็นความจริง ความจริงที่ฉันต้องฝังลูกตัวเอง ไม่มีทางเลือก ที่จริงทั้งสองเป็นเหมือนคนในครอบครัวฉันไปแล้วค่ะ” นางลอร่าเผยความรู้สึก

ด้านนายดาอุดหลังเห็นภรรยาตั้งครรภ์และเผชิญกับความทุกข์ทรมาน นึกไม่ถึงว่าเป็นเรื่องโกหก และกล่าวขอโทษหมอและทางการดินแดนสตัฟโรปอล ที่เคยโทษว่าเป็นความผิดที่ทำให้ลูกแฝดถูกขโมยไปด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

คลอดแล้ว! ลูกคนแรกของ สาวรัสเซียวัย 35 เกิดกับ หนุ่มลูกเลี้ยงอายุ 21

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน