ครอบครัวย้ำปมเกลียดชัง คุณตาคนไทยวัย 84 ถูกวัยรุ่นสหรัฐผลักล้มดับ
ครอบครัวย้ำปมเกลียดชัง – ซีเอ็นเอ็น รายงานโศกนาฏกรรมชีวิต นายวิชา รัตนภักดี ชาวไทยในสหรัฐอเมริกา วัย 84 ปี ผู้ถูกวัยรุ่นชาวอเมริกันวิ่งพุ่งชนให้ล้มบนถนนจนเสียชีวิต ว่าครอบครัวคาดว่าสาเหตุที่ผู้ลงมือทำเช่นนี้มาจากความเกลียดชังคนเอเชีย
นายวิชาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่เพื่อนบ้านในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามักจะเดินออกกำลังกายเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงทุกเช้าซึ่งทำให้สดใสและสุขภาพแข็งแรงในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
นายวิชา 84 ปี อพยพมาจากประเทศไทยและเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนประสบเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ขณะกำลังเดินอยู่ที่ย่านแอนซา วิสตา ตอนเช้า จู่ๆ ก็ถูกจู่โจมโดยหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งตัดถนนมาด้วยความเร็ว แล้วผลักนายวิชาอย่างแรงจนล้มลงฟาดพื้น
ตำรวจโทรศัพท์แจ้งลูกสาวนายวิชา ว่าพบนายวิชาล้มลงไม่ได้สติบนพื้นมีอาการเลือดคั่งในสมอง ลูกสาวของนายวิชาร่ำไห้หนักเพราะพ่อไม่ฟื้นคืนสติอีกเลยหลังเกิดเหตุถูกทำร้าย
เชซ่า บูดิน อัยการเขตซานฟรานซิสโกกล่าวว่าเป็นการทำร้ายที่น่ากลัวและไร้สติ ชายหนุ่มอายุ 19 ปีถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมและทำร้ายผู้สูงอายุ
แต่ครอบครัวของนายวิชาเห็นว่าการทำร้ายน่าจะมีมูลเหตุจูงใจมากกว่าการทำร้ายเพียงอย่างเดียวหากยังเป็น “อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง”
หลายเดือนมานี้ เกิดเหตุรุนแรงกับคนในชุมชนชาวเอเชียเพิ่มสูงขึ้น และ อีริก ลอว์สัน ลูกเขยของนายวิชากล่าวว่า แรงจูงใจไม่ได้มาจากเศรษฐกิจ แต่มาจากความเกลียดชัง
แม้กลุ่มสิทธิมนุษยชนไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงที่เหตุรุนแรงกับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเพิ่มขึ้น แต่คดีทำร้ายชาวเอเชียเพิ่มขึ้นในช่วงที่การระบาดโควิด-19
องค์กรยุติความเกลียดชังชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย–แปซิฟิก ได้รับรายงานในเบื้องต้นว่าตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.2563 มีเหตุทำร้ายความเอเชียด้วยความเกลียดชังกว่า 2,800 ครั้ง ใน 47 รัฐและกรุงวอชิงตัน
ตำรวจรายงานว่าย่านไชน่าทาวน์ในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เกิดเหตุชายคนหนึ่งผลักชาวเอเชีย 3 คนจนบาดเจ็บเมื่อวันที่ 31 ม.ค. เหยื่อล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 91 ปี 60 ปี และ 55 ปี
คนร้ายเป็นชายวัย 28 ปีถูกตั้งข้อหาความผิดทางอาญา 3 กระทงและถูกส่งไปประเมินสภาพจิตเมื่อวันที่ 1 ก.พ. จากเหตุทำร้ายเหยื่ออีกคนหนึ่ง
ส่วนเจ้าหน้าที่เมืองโอ๊คแลนด์กล่าวว่าเกิดคดีทำร้ายร่างกายและปล้นกว่า 20 ครั้ง ส่วนเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ธุรกิจร้านค้าของชาวเอเชียหลายสิบแห่งถูกทำลายทรัพย์สินในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แนนซี โอมัลลีย์ อัยการเขตอลาเมดา เรียกร้องให้ตั้งหน่วยงานเพื่อรับมือโดยเฉพาะเพราะแห็นแนวโน้มชาวเอเชียตกเป็นเหยื่อ บางคนเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่อาศัยและทำงานในเขตอลาเมดาด้วยความเหลือทน
ที่ซานฟรานซิสโก เกิดเหตุทำร้ายร่างกายชาวเอเชียเช่นกัน โดยฮาสเคลล์ อัลเลน ชาวซานฟรานซิสโก วัย 31 ปี ถูกจับกุมเมื่อคืนวันอาทิตย์และถูกแจ้งข้อหาความผิดอาญาอุกฉกรรจ์เพราะผลักชาวเอเชีย อายุ 83 ปี ล้มลงบนทางเท้าเขตเทนเดอร์ลอยน์ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน
เหตุการณ์นี้เหยื่อบาดเจ็บสาหัสจนเลือดท่วมและบาดเจ็บทั้งตัว ตำรวจกล่าวว่าอัลเลนอยู่ระหว่างการภาคทัณฑ์และศาลสั่งให้อยู่ห่างจากพื้นที่ที่ก่อเหตุซึ่งยังไม่ทราบว่าอัลเลนมีทนายหรือไม่
ด้านทนายความเห็นพ้องกันว่าความเกลียดชังชาวเอเชียที่อาศัยในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นมีส่วนจากการที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่า “ไวรัสจีน” และ “กังฟลู” เพราะผู้ก่อเหตุบางคดีใช้คำพูดเดียวกันกับอดีตประธานธิบดี
ส่วน รัสเซลล์ เจิ้ง อาจารย์ด้านเอเชีย–อเมริกาศึกษาจากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโกกล่าวว่าคำพูดของทรัมป์สงผลกระทบเป็นเวลานาน
นักวิชาการจะต้องจัดทำเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียเพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามีการเหยียดเชื้อชาติ จึงจำเป็นต้องทำเอกสารขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเพราะการเหยียดเชื้อชาติและการทำร้ายสร้างบรรยากาศของความกลัวและความวิตกกังวลในชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย
แม้ไม่มีข้อมูลคดีอาญาการทำร้ายชาวเอเชียที่เกี่ยวเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่สถาบันวิจัยพิวพบว่าตั้งแต่เดือน มิ.ย.2563 มีชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเกือบ 1 ใน 3 ที่บอกว่าเคยถูกดูหมิ่นดูแคลนหรือพูดเสียดสีให้ดูตลกตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดและร้อยละ 26 รู้สึกกลัวว่าอาจจะถูกทำร้ายร่างกาย อาสาสมัครเป็นเพื่อนผู้สูงอายุชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย
ที่ย่านซานฟรานซิสโกเบย์ มีอาสาสมัครคอยอำนวยความสะดวกให้คนชราที่เดินบนถนนและให้คำแนะนำเวลาติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
ด้านลอว์สันกล่าวว่าเหตุทำร้ายชาวเอเชียส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่อาศัยในย่านชุมชนชาวเอเชียเพราะมีชาวเอเชียเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าเดินบนถนน
ส่วน มนธนัช รัตนภักดี ลูกสาวของนายวิชา กล่าวว่า ตนเองเจอการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามตั้งแต่ก่อนที่พ่อเสียชีวิตจากการถูกทำร้าย พร้อมกับย้อนความหลังให้ฟังว่า บางคนกล่าวหาว่าตนเป็นคนนำเชื้อโควิดมา ทั้งกรีดร้องและถ่มน้ำลายใส่ แต่ก็ทำได้แค่เพียงเดินหนี
“ดิฉันยังเศร้าเสียใจจนไม่อาจบอกลาพ่อได้ แต่พ่อคงภูมิใจที่ครอบครัวบอกเล่าเรื่องราวเพื่อปกป้องชาวเอเชียคนอื่นๆ ในชุมชน” ลูกสาวผู้สูญเสียกล่าว
//////////////////////
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : วัยรุ่นมะกัน ผลักคุณตาชาวไทยวัย 84 ปี ดับ เหตุเหยียดเชื้อชาติ