ฎีกาอังกฤษพิพากษา – วันที่ 26 ก.พ. เมโทร รายงานว่า ศาลฎีกาอังกฤษตัดสินไม่อนุญาตให้ น.ส.ชามิมา เบกัม เจ้าสาวไอเอส อายุ 21 ปี เดินทางกลับมาอังกฤษ เพื่อต่อสู้คำตัดสินถอนสัญชาติอังกฤษ ถือเป็นชัยชนะสำหรับรัฐบาลอังกฤษที่ไม่อนุญาตให้น.ส.เบกัมกลับมาบ้านเกิด เนื่องจากก่อเกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ

 

หลังจากที่เมื่อ 17 ก.พ. 2562 น.ส.เบกัม อายุ 15 ปี พร้อมนักเรียนหญิง 2 คน คือ น.ส.คาดิซา ซุลตานา อายุ 16 ปี และ น.ส.อามิรา อาบาเซ อายุ 15 ปี นั่งเครื่องบินออกจากท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิค ไปนครอิสตันบูลของตุรกี จากนั้น เดินทางต่อไปเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ทางเหนือของซีเรีย เพื่อเข้าร่วมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า รัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ในเดือนก.พ.2558

ก่อนถูกพบตัวขณะตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน ในค่ายผู้ลี้ยภัยซีเรียเมื่อเดือนก.พ.2562 จึงถูกถอนสัญชาติอังกฤษเนื่องด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ ต่อมา เมื่อเดือนก.ค.2562 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้น.ส.เบกัมกลับมาอังกฤษเพื่อต่อสู้คดี โดยระบุว่า เป็นเพียงหนทางเดียวที่เธอสามารถยื่นฎีกาได้อย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ

 

แต่ในเดือนพ.ย.2563 กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ (Home Office) โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในศาลฎีกา โดยอ้างว่าการอนุญาตให้น.ส.เบกัมกลับมาอังกฤษ “จะก่อความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติอย่างมีนัยสำคัญ” และ “การให้น.ส.เบกัมปรากฏตัวต่อสาธารณะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการก่อการร้าย”

กระทั่งศาลฎีกาของอังกฤษยืนตามโจทก์ในที่สุด อย่างไรก็ตาม น.ส.เบกัมยังติดตามคำอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินถอนสัญชาติอังกฤษ แต่ไม่สามารถดำเนินการในอังกฤษได้แล้ว

 

กลุ่มสิทธิมนุษยชน ลิเบอร์ตี้ ซึ่งยื่นเข้ามาจัดการในคดีของน.ส.เบกัม กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลฎีกา เป็นการกำหนด “แบบอย่างอันตรายอย่างยิ่ง”

โรซี บริกเฮาส์ ทนายความกลุ่มลิเบอร์ตี กล่าวว่า สิทธิพิจารณาคดียุติธรรมไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลประชาธิปไตยควรละทิ้งด้วยความจงใจและไม่ใช่ของผู้ถือสัญชาติอังกฤษบางคน

“หากรัฐบาลได้รับอนุญาตใช้อำนาจรุนแรง เช่น การเนรเทศ โดยปราศจากการคุ้มครองขั้นพื้นฐานจากการพิจารณาคดีเป็นธรรม จะเป็นการสร้างแบบอย่างอันตรายอย่างยิ่ง หน่วยงานความมั่นคงจัดผู้คนหลายร้อยคนที่กลับมาจากซีเรีย แต่รัฐบาลเลือกพุ่งเป้าไปที่น.ส.เบกัม

 

“แนวทางนี้ไม่ได้สนองความยุติธรรม แต่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจเชิงเยาะเย้ย จากยุทธวิธีต่อต้านการก่อการร้ายที่ล้มเหลว และเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่รัฐบาลนี้เพิกเฉยต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม” นายบริกเฮาส์กล่าว

 

แต่ นายโรเบิร์ต ลีด ตุลาการศาลฎีกา กล่าวว่า สิทธิพิจารณาคดีเป็นธรรมไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าการพิจารณาอื่นๆ ทั้งหมด เช่น ความปลอดภัยของประชาชน

“การตอบสนองที่เหมาะสมต่อปัญหาในคดีนี้คือให้การพิจารณาคดีอยู่ต่อไปหรือเลื่อนออกไปจนกว่าน.ส.เบกัมจะมีส่วนช่วยอย่างดีในกระบวนการดังกล่าว โดยปราศจากการกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน

 

“นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้นานแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์สำหรับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เช่นกัน” ตุลาการลีดกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน