เมื่อวันที่ 19 ต.ค. บีบีซีรายงานความคืบหน้ายุทธการยึดคืนเมืองโมซุลของกองทัพอิรักจากการยึดครองของกองกำลังนักรบของรัฐอิสลาม หรือไอเอส ทางเหนือของประเทศอิรัก ว่าทางการสหรัฐอเมริกาวิตกว่าการยึดเมืองจะทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะไอเอสใช้ยุทธวิธีโล่มนุษย์ คือจับชาวบ้านเป็นตัวประกันสำหรับป้องกันการโจมตีและหลบหนี
นาวาเอกเจ็ฟฟ์ เดวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน กล่าวว่า ไอเอสใช้ยุทธวิธีโล่มนุษย์อย่างชัดเจนเพราะจับตัวพลเรือนไปด้วยจำนวนมากระหว่างการล่าถอย และไม่พบการอพยพหนีออกจากเมืองของประชาชน
ขณะที่รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุอ้างคำให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของชาวอิรักในเมืองโมซุล ระบุว่า ไอเอสพยายามสกัดกั้นไม่ให้พลเรือนหนีออกจากเมือง รวมทั้งยังพาตัวไปอยู่ตามสถานที่ที่อาจตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศด้วย
ขณะที่กองทัพอิรักที่ได้รับการโจมตีสนับสนุนจากเครื่องบินรบของสหรัฐและพันธมิตรกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้จุดศูนย์กลางของเมืองดังกล่าว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่ายังมีพลเรือนอาศัยอยู่กว่า 1.5 ล้านคน และมีนักรบไอเอสกว่า 5,000 คน รวมตัวกันตรึงแนวรับการโจมตีของกองทัพอิรัก
ก่อนหน้านี้ นักรบไอเอสถอยออกจากหมู่บ้านอย่างน้อย 10 แห่งทั่วเมือง เพราะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของกองกำลังผสมฝ่ายรัฐบาลอิรักได้ ซึ่งใช้ยุทธวิธีการโจมตี 2 ด้านพร้อมกันจากทิศใต้โดยกองทัพอิรักและนักรบชาวเคิร์ดจากทางตะวันออก
ลิซ่า กรานด์ ผู้ประสานงานภารกิจช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า ยูเอ็นอยู่ระหว่างการจัดทำศูนย์พักพิงชั่วคราวนอกเมืองโมซุล ออกแบบให้รองรับได้สูงสุด 200,000 คน
รายงานระบุว่า กองทัพอิรักและนักรบชาวเคิร์ดล่าสุดอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโมซุลราว 30-40 กิโลเมตร โดยการรุกคืบต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเนื่องจากไอเอสใช้พลซุ่มยิง หรือสไนเปอร์ คอยดักยิงทหารของรัฐบาล
ทั้งนี้ เมืองโมซุล ถือว่ามีความสำคัญทั้งในแง่ยุทธศาสตร์และสัญลักษณ์ทางการเมือง เนื่องจากโมซุลถือเป็นเมืองเอกของแคว้นนิเนเวห์ หนึ่งในแคว้นที่มีบ่อน้ำมันดิบจำนวนมากของอิรัก
เมืองโมซุลถูกไอเอสยึดไปตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557 และนายอาบู แบกแดดี ผู้นำไอเอส เดินทางมายังเมืองโมซุลเพื่อประกาศเจตนารมย์การสร้างรัฐอิสลามของไอเอส