ดุจสมรภูมิร้าง – วันที่ 17 มี.ค. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์นองเลือดทางการเมืองที่เมียนมาว่า ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 200 รายแล้ว หลังจากที่ชาวพม่าลุกขึ้นต่อต้านการยึดอำนาจการปกครองของกองทัพ จนเผด็จการทหารปราบปรามอย่างรุนแรงตั้งแต่การใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ และประกาศใช้กฎอัยการศึก ก่อเกิดความเดือดดาลของประชาชนบางส่วนที่เริ่มหันมาต่อสู้กับกองทัพ จนสถานการณ์บานปลายสร้างความพังพินาศให้เศรษฐกิจ ซ้ำเติมความบอบช้ำจากการระบาดของโรคโควิด-19
การปราบปรามอย่างรุนแรงมีขึ้นหลายพื้นที่ หนึ่งในพื้นที่ที่รุนแรงที่สุดเป็นนิคมอุตสาหกรรมในนครย่างกุ้ง ส่งผลให้ชาวพม่า ที่จำนวนมากอพยพหนีตาย ออกจากย่านนิคมอุตสาหกรรม หลังจากที่กองทัพพม่าระดมกำลังเข้าปราบปรามผู้ประท้วงจนผู้เสียชีวิตวันเดียวสูงถึง 70 ราย
ถือว่าสูงสุดตั้งแต่เกิดการประท้วงมากว่า 7 สัปดาห์ ขณะที่บรรยากาศในย่านดังกล่าวเต็มไปด้วยความพังพินาศราวกับอยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมือง แทบไม่มีประชาชนออกมาเดินบนถนน
รายงานระบุว่า ชาวพม่าจำนวนมากในนครย่างกุ้งยังปักหลักต่อสู้ โดยสวมหมวกนิรภัย พร้อมหน้ากากกันแก๊ส และโล่ที่ทำขึ้นเอง พากันสร้างแนวกั้นด้วยยางรถยนต์ กระสอบทราย และไม้ไผ่ ตามท้องถนน เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนกำลังของเจ้าหน้าที่ บางแห่งผู้ประท้วงเผายางเพื่อสร้างหมอกควันปิดกั้นการมองเห็นของพลแม่นปืนจากกองทัพ
มิคสัญญีในพม่ายังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาด้านการสื่อสารหลังเผด็จการทหารพม่าพยายามปิดกั้นการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประชาชน ส่งผลให้หลายพื้นที่ไม่สามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตได้มาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงเวลากลางคืนระบบอินเตอร์เน็ตถูกตัดเป็นเวลา 8 ชั่วโมงด้วย
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์นองเลือดทางการเมืองในพม่ากำลังสร้างแรงกดดันต่อทางการจีน ชาติพันธมิตรของพม่า และสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่ทำให้การดำเนินการของยูเอ็นเอสซีชะงักงัน
เนื่องจากจีนกำลังถูกบีบให้เลือกข้างระหว่างเผด็จการทหารพม่าที่สังหารประชาชน หรือประชาชนชาวพม่าที่กำลังมีแนวโน้มต่อต้านจีนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมองว่าทางการจีนเข้าข้างเผด็จการทหาร
นายริชาร์ด ฮอร์ซีย์ ผู้เชี่ยวชาญพม่าศึกษา กล่าวว่า ทางการจีนไม่ได้สนใจว่ารัฐบาลพม่าจะเป็นฝ่ายใด ขอเพียงพร้อมที่จะดูแลผลประโยชน์ของจีนได้
จากสถานการณ์ปัจจุบัน จีนเริ่มเห็นแล้วว่าเผด็จการทหารพม่าไม่สามารถทำได้ และยิ่งจีนพยายามใกล้ชิดกับเผด็จการทหารมากเท่าใด จะยิ่งเผชิญกับการต่อต้านจากชาวพม่าที่รังเกียจเผด็จการ
สะท้อนจากโรงงานทอผ้า 32 แห่งของจีนที่ถูกเผาทำลายไปแล้วที่นครย่างกุ้ง ความเสียหาย 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,100 ล้านบาท
วันเดียวกันที่วาติกัน สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงอ้อนวอนขอให้ทางการเมียนมายุติความรุนแรง พระองค์ยอมแม้กระทั่งคุกเข่าลงบนพื้นของแผ่นดินเมียนมา และตรัสว่าหยุดความรุนแรงเถิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เปิดใจตำรวจพม่า กลุ่มที่ไม่ฆ่าประชาชน หนีข้ามพรมแดน
เมียนมาวุ่นหนีเขตอัยการศึก จีนแจ้งอพยพคนด้วย – ยอดผู้เสียชีวิตแตะ 150 ราย