อียู แบนวีซ่า-ยึดทรัพย์ – วันที่ 22 มี.ค. รอยเตอร์ รายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) และ สหรัฐอเมริกา กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคลและกลุ่มต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับรัฐประหารกองทัพเมียนมาเมื่อเดือนที่แล้ว

 

การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปถือเป็นการตอบโต้ครั้งสำคัญของ 27 ชาติสมาชิก หลังการยึดอำนาจรัฐบาลเมียนมาของ นางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีผลกับ 11 บุคคล รวมถึง พลเอกมิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา และหัวหน้ารัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจ นายมิน ซเว รักษาการประธานาธิบดีเมียนมาตั้งแต่การรัฐประหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายบริหารระดับสูงคนอื่นๆ

โจเซบ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวว่า “เราจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อ 11 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐประหารและการปราบปรามผู้ชุมนุม” หลังจากที่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิกอียูในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ประกาศแบนวีซ่าและอายัดทรัพย์สินของ 11 บุคคลดังกล่าว

ขณะที่ ไฮโค มัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เผยก่อนการประชุมว่า การปราบปรามผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตยโดยกองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมาไปถึงจุดที่ทนไม่ได้

 

นอกจากนี้ นักการทูตอียูเผยว่า บางส่วนของกลุ่มบริษัททหารเมียนมา คือ Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ซึ่งครอบคลุมเศรษฐกิจเมียนมา ตั้งแต่การขุดเหมือง การผลิตอาหาร ไปจนถึงโรงแรม โทรคมนาคม และธนาคาร มีแนวโน้มที่จะถูกคว่ำบาตร ด้วยการห้ามนักลงทุนและธนาคารในอียูทำธุรกิจด้วย

“เราไม่ได้ตั้งใจลงโทษชาวเมียนมาแต่พุ่งเป้าไปที่ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโจ่งแจ้ง” รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีกล่าว

 

ส่วนรัฐบาลสหรัฐซึ่งคว่ำบาตรพลเอกมิน อ่อง ไหล่ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และจะขยายรายชื่อเป้าหมายที่จะถูกคว่ำบาตรด้วย ได้แก่ ตาน ไลง์ ตำรวจอาวุโส และ ออง โซ เจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงหน่วยงานกองทัพเมียนมา 2 กอง คือ กองพลเบาที่ 33 และ ทหารราบเบาที่ 77

แอนโธนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าสมาชิกของกองพลที่ 33 ยิงกระสุนจริงใส่ผู้ชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ และว่าทั้งสองหน่วยงานกองทัพเมียนมาเป็นส่วนหนึ่งของ “กลยุทธ์เชิงระบบที่วางแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กำลังร้ายแรง”

ขณะที่ อันเดรีย กักกี ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ กระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า “กองกำลังความมั่นคงเมียนมาต้องยุติการใช้ความรุนแรงถึงแก่ชีวิตกับผู้ประท้วงอย่างสันติ” และ “เรายังยืนหยัดเคียงข้างชาวเมียนมา”

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐยึดเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,000 ล้านบาท ของธนาคารกลางเมียนมาฝากในธนาคารกลางกลางนิวยอร์ก และรัฐบาลทหารเมียนมาพยายามถอนแต่ไม่สำเร็จหลังรัฐประหาร

 

ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อการคว่ำบาตรดังกล่าว ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่มีวี่แววจะหวั่นไหวต่อเสียงประณามจากนานาชาติถึงการปราบปรามผู้ประท้วงต้านรัฐประหาร

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 250 ราย ผู้เสียชีวิตล่าสุดของวันจันทร์มี 3 ราย ในเมืองมัณฑะเลย์ ในจำนวนนี้มีหนุ่มวัย 15 ปี ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ทหารเมียนมาบุกรุก-ยึดของบริจาค มีสาวตกตึก เสียชีวิตปริศนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน