เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 20 ต.ค. นายร็อดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประกาศกลางกรุงปักกิ่ง “ผมขอแยกทางจากสหรัฐอเมริกา” ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์กับชุมชนชาวฟิลิปปินส์ในประเทศจีน ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้สนับสนุน
“คุณมาอยู่เพื่อประโยชน์ของของคุณเอง ดังนั้นก็ถึงคราวบอกลา เซย์กู๊ดบายกันแล้วเพื่อน” ผู้นำจอมบู๊ของฟิลิปปินส์กล่าวถึงความสัมพันธ์กับสหรัฐ หลังเข้าพบปะหารือทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง พร้อมการลงนามความร่วมมือกันหลายฉบับทั้งด้านการค้าและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และคำมั่นที่จะเสริมสร้างความเชื่อใจและความร่วมมืออย่างแนบแน่น
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า ฟิลิปปินส์และจีนเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่สองฝั่งทะเล ไม่มีเหตุผลต้องมาเผชิญหน้าหรือเป็นปรปักษ์ต่อกัน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนชื่นชมการพบปะของสองผู้นำประเทศว่าเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ
วันเดียวกันที่ฟิลิปปินส์ พล.ต.อ.โรนัลด์ เดลา โรซา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ สั่งพักราชการบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเหตุปะทะกับฝูงชนชาวฟิลิปปินส์ที่ประท้วงต่อต้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอยู่ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำกรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 19 ต.ค. โดยเฉพาะจังหวะที่มีภาพวิดีโอบันทึกนาทีรถตำรวจวิ่งฝ่าเข้าใส่ฝูงชนและทับผู้ประท้วง 2 คนอย่างน่าหวาดเสียว มีผู้บาดเจ็บ 4 รายยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“ผมเสียใจและก็โกรธมากด้วย ตำรวจต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของนโยบายอย่างเคร่งครัด ต้องใช้ความอดกลั้นขั้นสูงสุด” พล.ต.อ.โรซากล่าว หลังลงนามในคำสั่งพักราชการตำรวจระดับสูง 9 นาย และระดับชั้นผู้น้อย 40 นาย ขณะที่คนขับรถคันดังกล่าวเปิดเผยภายหลังว่าช่วงเวลานั้นตนเองตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกจนขาดสติ เพราะกลัวถูกม็อบรุมทำร้าย