คุณแม่ลูกสอง แอนนาเบล โลวิก วัย 48 ปี จากเมืองบรูมเลย์ ประเทศอังกฤษ ได้กล่าวว่าผิวหนังที่ถูกปลูกถ่ายในบริเวณลิ้นของเธอนั้นมี ‘ขน’ ขึ้นและเธอก็ไม่สามารถควบคุมลิ้นของเธอได้ ซึ่งหมายความว่าเธอนั้นไม่สามารถพูด กิน หรือจูบได้อย่างถูกต้อง “ในตอนแรกลิ้นของฉันยาวเร็วมาก การพูด กิน หรือกลืนนั้นกลายเป็นเรื่องยาก” แอนนาเบลกล่าวและจนถึงตอนนี้ถ้าเธอพูดเร็วเกินไปคำพูดต่าง ๆ ก็ยังไม่เหมือนเดิม และเธอก็ไม่สามารถที่จะเลียไอศกรีมได้

มะเร็งลิ้น เป็นอย่างไร? - Smart News

เธอได้เล่าย้อนไปก่อนที่เธอจะผ่าตัดว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนที่มีสุขภาพดีมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนในเดือนมกราคมปี 2020 แอนนาเบลได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ลิ้นหลังจากที่ทันตแพทย์พบความผิดปกติที่หลังลิ้นของเธอ เธอต้องลาออกจากงานประจำที่มั่นคง และแอนนาเบลมีความกังวลว่าเสียงของเธอ การกิน การพูดของเธอจะไม่เหมือนเดิม

“คุณไม่รู้ว่าลิ้นของคุณทำอะไรได้มากแค่ไหน ฉันร้องไห้และฉันรู้สึกหวาดกลัว” แอนนาเบลเล่าว่าเธอนั้นใช้เวลาผ่าตัดกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อเอาลิ้นส่วนประมาณ 1 ใน 3 ที่เป็นมะเร็งออก และเธอยังถูกถอนฟันออกไปอีก 3 ซี่ เพื่อที่ว่าเธอจะได้ไม่ได้กัดลิ้นใหม่ของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ “พวกเขาสร้างลิ้นของฉันขึ้นมาใหม่โดยใช้กล้ามเนื้อและผิวหนังจากน่องของฉัน จากนั้นก็ต่อหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องและเชื่อมต่อกับเส้นเลือดในปากและคอของฉัน” แอนนาเบลกล่าว หลังจากการผ่าตัดเธอก็ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักเป็นเวลา 30 ชั่วโมง

“ฉันไม่สามารถยกศีรษะขยับ พูดคุยหรือกลืนได้ ฉันมีน้ำลายไหลจำนวนมากไหลออกมาจากปากโดยที่ฉันไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย” แต่ถึงแม้ว่าการผ่าตัดที่เกิดขึ้นนั้นจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่เธอก็ไม่สามารถแลบลิ้น เลียริมฝี ปากจูบ กินหรือกลืนได้เหมือนเดิมอีกต่อไป จนกระทั่งแอนนาเบลเริ่มชินกับการใช้ชีวิตโดยลิ้นเพียงครึ่งเดียวและรู้สึกโชคดีมากที่เธอไม่ต้องสูญเสียลิ้นทั้งหมด

ทั้งนี้ ‘มะเร็งลิ้น’ นั้นเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่มีความรุนแรงค่อนข้างสูง และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยค่อนข้างมากเนื่องจากลิ้นใช้ทั้งเคี้ยวอาหาร กลืน พูด และเป็นอวัยวะที่มีเส้นประสาท และเส้นเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก โดยสาเหตุของมะเร็งลิ้นนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มะเร็งลิ้นมักจะเกิดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป และพบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงหรือเด็ก

สัญญาณอันตราย "มะเร็งลิ้น" สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

ที่มา : dailymail

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน