คอนกรีตร้าว-เหล็กเส้นโผล่-พื้นเปียก – วันที่ 29 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้ติดค้างใต้ซากปรักหักพังคอนโดมิเนียมแชมเปลนทาวเวอร์ ในเมืองเซิร์ฟไซด์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เข้าสู่วันที่หกแล้ว หลังพังถล่มบางส่วนเมื่อกลางดึกวันที่ 24 มิ.ย. ท่ามกลางความหวังของครอบครัวผู้สูญหายที่ค้นหาข้อมูลและรอคำตอบว่าบุคคลผู้เป็นที่รักอยู่ที่ไหน
ขณะที่นางแดเนียลลา เลวีน คาวา นายกเทศมนตรีไมอามี-เดดเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 11 ราย อีก 150 คน ยังสูญหาย และพบผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในคอนโดเพิ่มเป็น 136 คน ผู้เสียชีวิตมีอายุตั้งแต่ 26 ถึง 82 ปี
นอกจากนี้ แอนดี้ อัลวาเรซ หัวหน้ากู้ภัยระบุว่า ทีมพบช่องว่างภายในอาคารที่อาจพบผู้รอดชีวิตปาฏิหาริย์ พร้อมหาทางใช้เครื่องมือค้นหาช่องว่างทุกแห่งในตึกที่พังถล่ม หวังว่าจะช่วยใครสักคนได้
ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐ 6 คน จากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรโครงสร้าง และวิศวกรธรณีเทคนิค กำลังดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับวัสดุอาคาร ประวัติและบทบัญญัติอาคารที่บังคับใช้ตอนที่คอนโดถูกสร้าง พื้นดินโดยรอบอาคาร และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
ขณะเดียวกัน ยังเกิดคำถามต่างๆ ถึงความสมบูรณ์โครงสร้างอาคาร โดยรายงานจากบริษัทวิศวกรรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2561 เผยความเสียหายเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรงต่อแผ่นคอนกรีตใต้พื้นสระ รวมถึง “รอยแตกร้าวและการหลุดร่อน” ในโรงจอดรถใต้ดิน
นอกจากนี้ เอกสารที่ซีเอ็นเอ็นได้รับ และคำสัมภาษณ์ครอบครัวผู้สูญหาย ระบุว่า ผู้อยู่อาศัยคอนโดแห่งนี้เคยแสดงความกังวลถึงแรงสั่นสะเทือนระหว่างการก่อสร้างอาคารที่อยู่ใกล้เคียงในปี 2562
ดอนนา ดีมักจีโอ เบอร์เกอร์ ทนายความให้คณะกรรมการคอนโด บอกซีเอ็นเอ็นว่า ไม่คิดว่าอาคารดังกล่าวจะอยู่ในสภาพทรุดโทมก่อนจะพังถล่ม “เรามีเวลาหลายเดือนและหลายปีที่จะขุดคุ้ยว่าเกิดอะไรขึ้น และเราทำอยู่ คณะกรรมการอยู่ในขั้นตอนการว่าจ้างวิศวกรแล้วเพื่อพยายามค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น และจะประเมินว่าใครต้องรับผิดชอบ”
ส่วนเจ้าของคอนโดต้องเจอกับการประเมินมูลค่าการซ่อมแซมอาคารดังกล่าว เป็นจำนวนเงิน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเริ่มชำระเงินวันที่ 1 ก.ค.
ก่อนหน้านี้ สมาคมอนุมัติการประเมินในเดือนเม.ย.เพื่อให้การซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์ตามกระบวนการรับรองอาคารใหม่ในรอบ 40 ปี ของเทศมณฑลไมอามี-เดด
การสอบสวนจะกินเวลาหลายเดือน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้จะไม่มีคำตอบชัดเจนถึงสาเหตุที่คอนโดถล่ม แต่สัญญาณบางอย่างเริ่มบ่งชี้ว่าบริเวณส่วนล่างของคอนโด ซึ่งอาจเป็นฐานราก เสา หรือโรงจอดรถใต้ดิน อาจใช้การไม่ได้แล้ว
ซินิซา โคลาร์ ผู้บริหารวิศวกรรมในไมอามี บอกซีเอ็นเอ็นว่า วิศวกรนิติเวชจะต้องตรวจสอบเสาชั้นล่าง และอธิบายว่า จะต้องทดสอบตัวอย่างคอนกรีตเพื่อตรวจสอบสภาพ จากนั้น จะต้องอ้างอิงโยงกับแผนผังโครงสร้าง “องค์ประกอบสำคัญในการสืบสวนอยู่ในซากปรักหักพังและเสา และสภาพองค์ประกอบโครงสร้าง”
ส่วนอัลลิน คิลไชเมอร์ วิศวกรโครงสร้างที่ได้รับการว่าจ้างจากเมืองเซิร์ฟไซด์ ระบุว่า การสืบสวนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือนานกว่านั้น โดยเริ่มตรวจสอบอาคารและจะใช้กระบวนการกำจัดพิถีพิถันและใช้คอมพิวเตอร์ช่วยเพื่อพยายามระบุสาเหตุ
ด้านผู้รับเหมาสระน้ำคอนโดซึ่งไม่เปิดเผยชื่อและเยือนคอนโด 36 ชั่วโมง หรือเกือบ 2 วัน ก่อนพังถล่ม เปิดเผยกับ ไมอามี เฮรัลด์ ว่า เมื่อเข้าไปในอาคารครั้งแรก บริเวณสระน้ำและล๊อบบี้ด้านบนดูปกติดี แต่เมื่อเดินลงไปโรงจอดรถใต้ดินที่อยู่ใต้ระเบียงสระน้ำ เห็นน้ำนองพื้นและพบรอยแตกร้าวในคอนกรีตใน เหล็กเส้นโผล่ และพื้นเปียก ในห้องอุปกรณ์สระน้ำ
ซาร่า บลาสกี ผู้สื่อข่าว ไมอามี เฮรัลด์ ที่นำเสนอเรื่องราวดังกล่าว บอกว่า ผู้รับเหมาถ่ายภาพคอนกรีตส่งไปให้เจ้านายของเขาดู เพราะมาคอนโดเพื่อตบแต่งสระน้ำเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาคิดว่า “โอ้ นี่เป็นงานใหญ่กว่าที่คิด” จึงถ่ายภาพและส่งให้เจ้านาย โดยภาพถ่ายดังกล่าวมาจากห้องอุปกรณ์ด้านใต้ของโครงสร้างชั้นใต้ดิน ไม่ใช่ด้านเหนือของชั้นใต้ดินที่โครงสร้างยุบตัว
สภาพการกู้ภัยยังอันตราย
ชาร์ลส์ เบอร์เก็ตต์ นายกเทศมนตรีเมืองเซิร์ฟไซด์ กล่าวว่า เป้าหมายหลักคือนำเหยื่อขึ้นมาจากซากปรักหักพัง และสิ่งสำคัญอันดับสองคือสนับสนุนครอบครัวเหยื่อ
ขณะที่อลัน โคมินสกี หัวหน้ากรมดับเพลิงไมอามี-เดด กล่าวว่า การค้นหาเป็นไปอย่างช้าๆ แต่จะมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งชายและหญิงทำงานวันละ 12 ชั่วโมง และพยายามไม่หยุดหย่อนตั้งแต่คอนโดพังถล่ม แม้ว่าสภาพอากาศและควันที่เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้จะดีขึ้น แต่ยังอันตรายในพื้นที่ค้นหา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: